หน้าเว็บ

Custom Search

บทความที่ได้รับความนิยม

Translate

วันพฤหัสบดีที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ปรัชญาสู่ปรมาณู(Atomic philosophy to)

ปรัชญาสู่ปรมาณู (Atomic philosophy to)
นักพรตแห่งโลกโบราณทราบถึงข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์บางประการก่อนพวกเราในสมัยหลังนี้ได้ด้วยวิธีใด ในสมัยโบราณ การคะเนทางปรัชญาอย่างชาญฉลาดอาจมีได้ แต่ปรากฏอยู่เสมอว่าเป็นความรู้ที่เป็นจริงมากกว่าการคาดคะเนอย่างคลุมเครือ
                  รอยอุกกาบาตบนดวงจันทร์                           
เมื่อประมาณสองพันห้าร้อยปีมาก่อน อะนักซิมีเนสมิได้ทราบเพียงความไกลของดวงดาวเท่านั้น หากยังรู้จักดาวใกล้เคียงที่ไม่สว่างด้วย ในขณะที่เรามีข้อมูลของระบบสุริยะอื่น ๆ เมื่อไม่นานมานี้เอง อะนักซากอรัส (500 - 428 ปีก่อนคริสตกาล) ก็เขียนทำนองเดียวกันเกี่ยวกับ โลกอื่นที่ให้เสบียงที่จำเป็นแก่ผู้อาศัย แม้เวลาจะล่วงมาหนึ่งหรือสองศตวรรษแล้ว ความคิดอันชาญฉลาดของชาวกรีกโบราณผู้นี้ก็ยังคงถูกตำหนิจากชาวคริสต์ และนักวิชาการต่าง ๆ คงจะตั้งข้อสงสัยขึ้น เรื่องดังกล่าวนี้มิได้พิสูจน์ให้เห็นหรอกหรือว่า นักปรัชญาแห่งกรีกโบราณนั้นอยู่ใกล้ชิดกับความเป็นจริงมากกว่าชาวยุโรปตะวันตกมานาน ด้วยวิถีทางบาอย่างที่ไม่อาจอธิบายได้
Democritus
เดโมคริทุส (460 - 361 ปีก่อนคริสตกาล) ได้อธิบายไว้อย่างแม่นยำถึงทางช้างเผือกว่า เป็นกลุ่มดาวจำนวนมหาศาลที่อยู่รวมกันในอวกาศไกลโพ้น ในขณะที่วิทยาศาสตร์ของเราได้ข้อสรุปนี้เมื่อไม่เกินสองร้อยปีก่อนเท่านั้น ร่องรอยหรือข้ออนุมานทางปรัขญาจากผู้ปกป้องปัญญาแห่งยุคสมัย จะชี้นำความคิดชาวกรีกเหล่านี้ไปสู่อนาคตอันไกลโพ้นเชียวหรือ เดโมคริทุสกล่าวเช่นเดียวกับราชบัณฑิตสาขาวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันนี้ว่า ในความเป็นจริงไม่มีสิ่งใดเลย เว้นแต่อะตอมและอวกาศ


ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองเอเธนส์ บนถนนสายหลัก มีอีกจุดหนึ่งที่ครั้งหนึ่งเดโมคริทุสเคยทำงาน ตอนนี้มีป้ายบอกไว้อย่างสมฐานะว่า ห้องปฏิบัติการวิจัยนิวเคลียร์เดโมคริทุส
           
เดโมคริทุสถูกสอนมาแต่เยาว์วัย โดยโหราจารย์ที่ทิ้งไว้โดยเซอร์ซีส ในอับเดรา ในต้นศตวรรษที่สาม เซ็กซ์ทุส เอ็มพิริคุสเขียนไว้ว่า เดโมคริทุสเรียนเกี่ยวกับทฤษฎีอะตอมจากเรื่องราวโบราณ โดยเฉพาะจากชาวฟินิเชียน ชื่อ โมสคุส ผู้มีแนวคิดที่ถูกต้องแม่นยำอย่างยิ่งเกี่ยวกับเรื่องอะตอม ด้วยเขาเห็นว่าอะตอมแบ่งแยกได้ เซเนคากล่าวว่า เดโมคริทุส รู้ว่ายังมีดาวเคราะห์อีกมากมาย เกินกว่าที่เราจะพบเห็นได้ด้วยตา     เดโมคริทุสถือว่าพระอาทิตย์มีขนาดใหญ่มหึมา และรอยบนดวงจันทร์นั้นเกิดจากเงาของภูเขาสูงและหุบเขาลึก เขาถือว่าโลกนั้นเกิดขึ้นมาในสมัยหนึ่งและจะถูกทำลายลงในห้วงอวกาศอันไม่มีที่สิ้นสุด เดโมคริทุสประกาศว่า ดาวฤกษ์ต่าง ๆ ก็คือ ดวงอาทิตย์ ซิพลิเชียส (ศตวรรษที่หก) เสริมว่า ดาวฤกษ์เหล่านี้บ้างก็มีขนาดใหญ่กว่าดวงอาทิตย์ของเรา นักปรัชญาบางท่านบ่งชี้ว่ามีระยะทางไกลมหาศาลระหว่างโลกเราและดาวฤกษ์อื่น ๆ

พิธากอรัส (530 ปีก่อนคริสตกาล) อนุมานว่าโลกเป็นทรงกลม และอริสตาร์คุสแห่งซามอส (310 - 230 ปีก่อนคริสตกาล) ยืนยันว่าโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์              
เอราโทสเธเนส (276 - 195 ปีก่อนคริสตกาล) ภัณฑารักษ์ห้องสมุดอะเล็กซานเดรียคำนวณเส้นรอบโลก โดยมีความคลาดเคลื่อนเพียง 225 ไมล์ เท่านั้น อะคิลเลส ทาทิอุสกล่าวว่า คาลเดียนส์ยังได้วัดระยะทางรอบโลกโดยผลลัพธ์ไม่ต่างจากของเอราโทสเธเนสเท่าใดนัก
             
พลูทาร์ชเขียนไว้ในเรื่อง ความเห็นของนักปรัชญา (Opinions of Philosophers) ว่าระยะทางจากโลกถึงดวงอาทิตย์เป็น 804 ล้านสเตอเดีย ค่านี้เกือบจะเท่ากับค่าที่ดาราศาสตร์สมัยนี้ยอมรับ นักดาราศาสตร์สมัยโบราณมีเครื่องมือวัดอันแม่นยำอย่างนั้นหรือ หากไม่ใช่แล้ว พวกเขาคาดเดาอย่างน่าอัศจรรย์ได้อย่างไร ?
             
เอมเพโดเคลส (494 - 34 ปีก่อนคริสตกาล) เสนอว่าแสงต้องใช้เวลาในการเดินทาง นอกจากนี้ยังมีแนวคิดเรื่องการกลายพันธุ์ด้วย ลูเครทุอุส (96 - 55 ปีก่อนคริสตกาล) รู้ว่าความเร็วของวัตถุที่ตกลงในสุญญากาศมีแบบแผนแน่นอน ในบทกลอน ว่าด้วยธรรมชาติ เขาสร้างภาพการดินรนต่อสู้เพื่อความอยู่รอด เป็นเวลานับศตวรรษ ๆ ก่อนสมัยดาร์วิน พิธากอรัส และเป็นเวลานานก่อนสมัยนิวตันจะได้รู้เกี่ยวกับกฎของแรงดึงดูด          
เศษของแบบจำลอง
ระบบสุริยะ พบที่กรีซ 
อายุ 65 ปีก่อนคริสตกาล
เอมเพโดเคลส (494 - 34 ปีก่อนคริสตกาล) เสนอว่าแสงต้องใช้เวลาในการเดินทาง นอกจากนี้ยังมีแนวคิดเรื่องการกลายพันธุ์ด้วย ลูเครทุอุส (96 - 55 ปีก่อนคริสตกาล) รู้ว่าความเร็วของวัตถุที่ตกลงในสุญญากาศมีแบบแผนแน่นอน ในบทกลอน ว่าด้วยธรรมชาติ เขาสร้างภาพการดินรนต่อสู้เพื่อความอยู่รอด เป็นเวลานับศตวรรษ ๆ ก่อนสมัยดาร์วิน พิธากอรัส และเป็นเวลานานก่อนสมัยนิวตันจะได้รู้เกี่ยวกับกฎของแรงดึงดูด
           
อะนักซิมันเดอร์ (ต้นศตรวรรษที่ 6 ก่อนคริสตกาล) เสนอว่าสัตว์ทุกชนิดมีวิวัฒนาการมาจากบรรพบุรุษเดียวกัน  ตัวอย่างของนักปรัชญาโบราณที่พูดภาษาในศตวรรษเรานั้นหาได้ยาก แต่ก็มีหลักฐานพอจะสรุปได้ว่า ในบางลักษณะ นักคิดในโลกคลาสสิกก็เป็นยักษ์ที่ชาญฉลาด เมื่อเปรียบเทียบกับนักวิชาการในยุคกลาง
             
ประวัติศาสตร์บอกเราว่า อาร์คีมีดีส ได้สร้างหอดูดาวในศตวรรษที่สามก่อนคริสตกาล พิพิธภัณฑ์โบราณคดีแห่งชาติของกรีก มีวัตถุน่าสนใจอย่างหนึ่งชาวประมงได้พบจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เมื่อ ค.ศ.1900 แต่ยังคงลึกลับต่อมา กระทั่ง ค.ศ.1959 เมื่อด็อกเตอร์ดีเร็ก ไพรซ์ นักวิทยาศานตร์แห่งเคมบริดจ์ บ่งชี้ว่าเป็นเครื่องมือโบราณ เป็นการจำลองการทำงานของระบบสุริยะ นี่เป็นแบบจำลองเชิงกลที่ชัดเจนของโลก ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาวเคราะห์อื่น ๆ สำเร็จลงด้วยผีมือช่างที่เราไม่รู้จัก เมื่อสมัย 65 ปีก่อนคริสตกาล อุปกรณ์นี้มีชุดเฟืองที่ละเอียดซับซ้อน หมุนด้วยข้อเหวี่ยงเล็ก ๆ ทำให้วัตถุทั้งหลายในฟากฟ้าอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม แบบจำลองนี้ละเอียดบอบบางจนเกินกว่าจะแตะได้ แต่เฟืองและล้อนั้นเรายังสามารถเข้าใจได้ ด็อกเตอร์ไพรซ์กล่าวเมื่อ ค.ศ.1959 ว่า การพบเครื่องมือเช่นนี้ ก็เหมือนกับการพบเครื่องบินไอพ่นในหลุมพระศพตุตันคาเมนนั้นแหละ
             
ซิเซโรเคยเขียนเกี่ยวกับทรงกลมท้องฟ้าในทำนองเช่นนี้ โดยแสดงไว้ในอารามคุณธรรมในกรุงโรม เขาเน้นถึงจุดกำเนิดจากสมัยโบราณ และธาเลสแห่งไมเลทุสได้รับสิ่งประดิษฐ์นี้เมื่อหกศตวรรษก่อนคริสตกาล
             
เมื่อสองพันปีก่อน นครไซราคูเซ ในซิซิลีมีท้องฟ้าจำลองที่ดวงดาวต่าง ๆ เคลื่อนที่ได้ด้วยพลังไฮดรอลิก นักคิดชาวกรีกจำนวนมากก้าวไกลไปมาก ถึงกับเสนอว่ามีชีวิตบนดาวเคราะห์ดวงอื่น ๆ เมโทรโดทุส แห่งแลมป์ซาคุส (ศตวรรษที่สามก่อนคริสตกล) กล่าวว่า การเรียกโลกว่าเป็นโลกแห่งเดียวที่มีผู้คนในอวกาศอันไร้ที่สิ้นสุดนั้น ไม่ฉลาดเลย พอ ๆ กับการยืนยันว่ามีข้าวเพียงรวงเดียวเท่านั้นที่งอกงามอยู่ในทุ่งอันกว้างใหญ่
           
หากเราไม่มีความรู้ ก็คงจะแปลกใจกับการเสนอเรื่องเกี่ยวกับชีวิตบนดาวเคราะห์อื่น ในสมัยที่ยังไม่มีกล้องโทรทรรศน์ และความรู้อันปราดเปรื่องทางวิทยาศาสตร์ทั้งปวงในทุกวันนี้ นักปรัชญาเหล่านี้มีความรู้ก้าวหน้าด้วยตนเอง หรือได้รับวิทยาศาสตร์มาจากอารยธรรมอื่นที่หายไป

รายการบล็อกของฉัน