หน้าเว็บ

Custom Search

บทความที่ได้รับความนิยม

Translate

วันจันทร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

รายงาน..ลับ..ที่ไม่เปิดเผย


รายงานลับ..ที่ไม่เปิดเผย 
(Report .. secret .. that was not disclosed.)
ค้นหา นักเขียนชาวเยอรมันชื่อ เค.เค. โดแบเรอร์ ได้เขียนไว้ในหนังสือเรื่อง ช่างทำทอง (The Gold makers) แสดงความคิดของตนว่า “ในมุมมองของมนุษย์ผู้ชาญฉลาดแห่งแอตแลนติสแล้ว ความเป็นไปได้อย่างหนึ่งก็คือ การอพยพหนีจากภัยพิบัติ โดยรุกผ่านไปยังเมดิเตอร์เรเนียน และเคลื่อนต่อไปทางตะวันออก เข้าไปยังแผ่นดินแห่งเอเชีย และก่อตั้งอาณานิคมบน ‘หลังคาโลก’ ”
             
นี่คือการคะเนที่น่าตื่นตะลึง และอาจจะไม่ห่างไกลจากความเป็นจริงมากนัก เจ้านาย และนักบวชชั้นสูงของ ‘เทพเจ้าผู้ประเสริฐ’ อาจจะถูกยกขึ้นไปในอากาศ ถึงยังพื้นที่ส่วนที่ปลอดภัยและไกลโพ้นจากพื้นดิน พร้อมกับผลพวงทั้งปวงจากเทคโนโลยีและวัฒนธรรมของตน ในชุมชนเล็ก ๆ ที่แยกตัวออกมาสมบูรณ์นั้น พวกเขาอาจจะพัฒนาวิทยาศาสตร์ขั้นสูงในระดับที่นักปราชญ์ของเราเองก็ไม่เคยฝันถึง และมีหลักฐานที่จะเพิ่มน้ำหนักแก่ทฤษฎีเพ้อฝันอย่างเด่นชัดนี้
         
ในมหากาพย์มหาภารตะ เราได้ทราบเรื่องยุคโบราณที่มียานอวกาศเหาะอยู่ในท้องฟ้า และมีการทิ้งระเบิดลงมาถล่มยังนครต่าง ๆ สงครามเป็นไปอย่างดุเดือด และตัวร้ายที่ครองอำนาจก็ยังไม่สยบ จากตำนานและงานเขียนสมัยโบราณจากเผ่าพงศ์มนุษย์มากมายนั้น นับว่าเป็นไปได้ที่จะย้อนคืนภาพสิ่งต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นเป็นเวลาสั้น ๆ ก่อนภัยพิบัติทางธรณีวิทยา
           
เมื่อนักวิทยาศาสตร์และนักปรัชญาเรืองนามสำนักหนึ่ง รับรู้ความจริงที่ว่า วัฒนธรรมถูกกำหนดชะตากรรมไว้แล้ว และความก้าวหน้าของมนุษยชาติถูกทำลาย พวกเขาจึงตัดสินใจถอนตัวไปยังพื้นที่ส่วนที่ติดต่อได้ยาก มีการก่อสร้างที่กำบังภัยเร้นลับใต้พิภพในภูเขา หุบเขาเร้นลับในเทือกเขาหิมาลัยเป็นทำเลที่กำหนดไว้สำหรับคนที่ได้รับเลือกจำนวนไม่มากนัก ให้นำคบไฟแห่งความรู้แจ้งไปสู่อนาคต
             
เมื่อมหาสมุทรกลืนอาณาจักรแอตแลนติส อาณานิคมที่เหลือรอดถูกทิ้งไว้โดยสภาพสมบูรณ์เป็นเมืองในฝัน เพื่อเลี่ยงความเข้าใจผิดเรื่องอาณาจักรถูกทำลาย ชนเหล่านี้ปราศจากความล้าหลังทางวัฒนธรรม และความโง่เขลาและประสบความรุ่งเรืองอยู่ในพื้นที่อันปลอดภัยต่าง ๆ กัน นับเป็นการแก้ปัญหาจากจุดเริ่มต้น เพื่อตัดขาดความผูกพันทั้งปวงกับโลกภายนอก เมื่อไม่มีพันธะใด ๆ ศาสตร์ของพวกเขาก็รุ่งเรือง บรรลุผลถึงความสำเร็จตามแบบฉบับของแอตแลนติส
             
นี่เป็นเรื่องเพ้อฝันหรือไร? มีนักวิทยาศาสตร์ปัจจุบันนี้จำนวนหนึ่งเสนอเรื่องที่กำบังภัยใต้พิภพ และแม้แต่นครใต้สมุทร เพื่อจะใช้ในเหตุการณ์ทำลายล้างจากระเบิดปรมาณู ประชากรที่ลดน้อยลงและการสร้างเมืองใต้พิภพเป็นโครงงานที่เสนอโดยผู้มีความรู้ทางวิทยาศาสตร์ผู้มีความสำนึกรับผิดชอบเพื่อคุ้มครองเผ่าพงศ์มนุษย์ให้ยั่งยืนต่อเนื่องไป หากแผนการนี้เป็นที่เฝ้าจับตามองจากนักวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันแล้ว จะเป็นไปไม่ได้เชียวหรือ ที่โครงการทำนองเดียวกันนี้เคยเสนอและดำเนินการโดยผู้นำวัฒนธรรมแห่งแอตแลนติสเมื่อเผชิญกับการเสื่อมโทรมทางศีลธรรมของมนุษยชาติ และภัยคุกคามจากอาวุธแห่งพรหม ซึ่งระเบิดแสงจ้ายิ่งกว่าพระอาทิตย์นับหมื่นดวง
             
ภาพของสภาวะอันรุนแรงจากเทคโนโลยีก้าวหน้าในยุคที่ถูกลืมนั้น ปรากฏอยู่อย่างชัดเจนในกรอบความคิดทางวิทยาศาสตร์อันเฉลียวฉลาด ศาสตราจารย์เฟรเดริก โซดดี นักนิวเคลียร์ฟิสิกส์ผู้บุกเบิก ได้พยายามอธิบายเรื่องเล่าเชิงวิทยาศาสตร์จากสมัยโบราณ โดยกล่าวไว้เมื่อ ค.ศ.1909 ว่า “(เรื่องเล่า) อาจจะเป็นเสียงสะท้อนจากยุคสมัยเก่าก่อนประวัติศาสตร์ของโลก ที่ไม่มีใครบันทึก จากยุคสมัยเมื่อมนุษย์ท่องไปบนถนน ก่อนที่เราได้ใช้อยู่ในทุกวันนี้”
           
การรักษาผลผลิตทางอารยธรรมสำหรับช่วงเวลาอันเป็นนิรันดร์ เพื่อป้องกันอันตรายจากสงครามทำลายล้าง และภัยพิบัติทางธรณีวิทยา ไม่มีสิ่งใดจะมีประสิทธิภาพอันยิ่งไปกว่าการใช้ที่กำบังใต้พิภพ นี่เป็นเรื่องของวันนี้ ที่เป็นเช่นเดียวกับในสมัยแอตแลนติส
           

จากประวัติศาสตร์ของชีวิตมนุษย์บนดาวเคราะห์ดวงนี้ มีหลายหน้าที่ขาดหายไปด้วยน้ำมือของกาลเวลา อย่างไรก็ตาม ตำนานก็ได้กล่าวถึงภัยพิบัติอย่างใหญ่หลวงที่กวาดเอาอารยธรรมอันก้าวหน้าหายไป ผู้เหลือรอดส่วนใหญ่กลายเป็นผู้ด้อยความเจริญ ผู้ที่ได้รับการฟื้นฟูในกาลต่อมาจากทูตสวรรค์จึงผุดขึ้นมาจากสภาพด้อยความเจริญ และให้กำเนิดชาติแห่งประวัติศาสตร์โบราณจากจุดที่เราถือกำเนิดมา ชุมชนลึกลับแห่งโอรสพระอาทิตย์นั้นมีขนาดเล็กก็จริง แต่มีความรู้อันยิ่งใหญ่จากวิทยาศาสตร์ขั้นสูง พวกเขาได้ขุดอุโมงค์โยงใยอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในเอเชีย
           
การแยกตัวเป็นเอกเทศนับเป็นกฎอมตะของอาณานิคมเหล่านี้ นักปรัชญา นักวิทยาศาสตร์ กวี ศิลปิน ผู้อุทิศตนเพื่อศาสนา นักเขียน และนักดนตรี ต่างต้องการสภาพแวดล้อมที่มีความสงบ เพื่อจะทำงานของตนได้ พวกเขาไม่ต้องการได้ยินเสียงเดิน เสียงรองเท้าทหาร หรือเสียงร้องเร่ในตลาด การแยกตัวออกไปนี้เป็นพฤติกรรมการป้องกันตัวโดยธรรมชาติของพวกเขานั่นเอง
             
การหายลับไปในหุบเขาลับระหว่างเทือกเขาหิมะ หรือซ่อนอยู่ในอุโมงค์ใต้ภูเขา ทำให้ช่วยปกป้องชีวิตของเผ่าพงศ์มนุษย์ไว้ได้ การชี้นำถึงความเป็นจริงเรื่องอาณานิคมเหล่านี้ มาจากดินแดนต่าง ๆ ที่กระจัดกระจายจอย่างกว้างขวาง เช่น อินเดีย อเมริกา ทิเบต รัสเซีย มองโกเลีย และส่วนอื่น ๆ ของโลก รายงานเหล่านี้ปรากฏในอดีตเมื่อห้าพันปีมาแล้ว โดยอยู่นอกเหนือจากความยิ่งใหญ่แห่งกาลเวลา แม้จะมีเรื่องเพ้อฝันเพิ่มเติมเข้ามาจากผู้ที่อาศัยอยู่ในดินแดนต่าง ๆ แต่รายงานเหล่านั้นก็ยังประกอบไปด้วยเชื้อแห่งความเป็นจริงอยู่

ด็อกเตอร์เฟอร์ดินันด์ โอสเซนดอร์สกี้ แห่งราชบัณฑิตประเทศฝรั่งเศส ได้เขียนเรื่องประหลาดที่ฟังจากเจ้าชายจุลตุน เบย์ลี และพระลามะในมองโกเลีย เมื่อราวห้าสิบปีก่อน ความว่าเคยมีทวีปสองแห่งในมหาสมุทรแอตแลนติก และมหาสมุทรแปซิฟิก ทั้งสองทวีปได้จมลงสู่ทะเลลึก แต่ประชากรบางส่วนในทั้งสองทวีปได้อพยพไปสู่ที่หลบภัยอันกว้างใหญ่ใต้พิภพ ถ้าเหล่านั้นมีแสงประหลาดที่ให้การเติบโตแก่พืชพันธุ์ และให้ชีวิตแก่เผ่าผู้สูญไปจากมนุษยชาติสมัยก่อนประวัติศาสตร์ เผ่าพงศ์นั้นได้ก้าวถึงวิทยาศาสตร์ในระดับสูงแล้ว
นักปราชญ์เชื้อสายโปแลนด์ท่านนี้กล่าวว่า ผู้คนใต้น้ำแห่งอะฆารดีนั้นบรรลุถึงความสำเร็จทางเทคนิคอย่างใหญ่หลวง มีรถพิเศษที่แล่นไปด้วยความเร็วสูง ผ่านเครือข่ายในอุโมงค์โยงใยอันกว้างใหญ่ในเอเชีย พวกเขาได้ศึกษาถึงชีวิตในโลกอื่น แต่ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของพวกเขานั้นอยู่ในขอบเขตเรื่องจิตใจ
             
ในการเดิทางผ่านเตอรกีสถานของจีนหรือซินเกียง นักสำรวจและศิลปินผู้มีชื่อ นามว่า นิโคลัส เรอริช ได้เห็นระเบียงใต้ดินยาว ประชากรในที่นั้นบอกเขาว่ามีคนประหลาดโผล่มาจากอุโมงค์ใต้ดินเพื่อไปจับจ่ายในเมืองอยู่ที่จากัน กุเร ใกล้กับเมืองกัลป์กันในประเทศจีน เมื่อ ค.ศ.1935 เรอริชได้เขียนบทความชื่อ “ผู้พิทักษ์” เขาตั้งคำถามว่า “หากมีคนลึกลับนั้นปรากฏในท่ามกลางทะเลทราย ราวกับออกมาจากที่ลับแล้ว พวกเขามิได้มาจากเส้นทางใต้ดินหรอกหรือ?” นิโคลัส เรอริชถามชาวมองโกลเรื่องผู้มาเยือนลึกลับเหล่านี้ พวกเขาให้ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจแก่เรอริชหลายอย่างด้วยกัน กล่าวคือ คนต่างถิ่นมักจะขี่ม้ามา และเพื่อมิให้น่าสงสัยมากนัก พวกเขาจึงสวมเสื้อผ้าอย่างพ่อค้า คนเลี้ยงสัตว์ หรือทหาร พวกมองโกลมักจะได้ของกำนัลจากคนเหล่านี้ด้วย
 

หลักฐานเรื่องมนุษย์ที่มีชื่อเสียงระดับชาติ และความสำเร็จทางศิลปะและทางวิชาการนี้ ไม่อาจมีข้อโต้แย้งได้เลยสักนิด และผู้เขียนเองได้รับสิทธิพิเศษอย่างยิ่งให้ได้พบกับนักสำรวจท่านนี้ในเมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน หลังจากท่านได้เดินทางสำรวจเมื่อปี ค.ศ. 1935
             
เห็นจะต้องระบุไว้เสียตรงนี้ว่า ศาสตราจารย์เรอริชและสมาชิกในคณะได้เฝ้าดูแผ่นจานแวววาวใบหนึ่งเหนือเทือกเขาคาราโครัม เมื่อปี ค.ศ.1926 ตอนนั้นเป็นเวลาเช้าแสงแดดสดใส และวัตถุดังกล่าวเห็นชัดเจนจากกล้องส่องทางไกลกำลังสูงสามกล้อง ต่อมายานรูปวงกลมนั้นเปลี่ยนเส้นทางทันที เมื่อสี่สิบปีก่อนเรายังมีมีเครื่องบินหรือบอลลูนในเอเชียกลาง ดังนั้นอากาศยานลำนั้นมาจากอาณานิคมสมัยก่อนประวัติศาสตร์ใช่หรือไม่?
             
มาดามเอ. เดวิด-นีล นักสำรวจทิเบต ได้เขียนเรื่องนักขับโคลงของทิเบตคนหนึ่ง เป็นที่เลื่องลือว่ารู้จัก “วิมานแห่งเทพเจ้า” ในบริเวณทะเลทรายอ้างว้าง และเทือกเขาในมณฑลซินไห่ ประเทศจีน ครั้งหนึ่งเขานำดอกไม้สีฟ้าแห่งฤดูร้อนจากสถานที่นั้นไปให้มาดามเดวิด-นีล หากแต่เวลานั้นบริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็งถึง 20 องศา และแม่น้ำดิชูก็เป็นน้ำแข็งลึก 6 ฟุต

ยานเหาะแห่งอดีตกาล..สมัยโบราณ


Flying .. of .. Past ยานเหาะแห่งอดีตกาล..สมัยโบราณ            
ค้นหา นับว่ามีเหตุผลทีเดียวที่จะคาดคะเนว่าตำนานส่วนใหญ่เรื่องยานเหาะในสมัยโบรารณนั้น เป็นการสะท้อนเรื่องการบินและการท่องอวกาศจากอารยธรรมในกาลก่อน แม้จะมีนักวิทยาศาสตร์ส่วนมากโต้แย้ง...
ทฤษฎีเรื่องเทคโนโลยีอันก้าวหน้าในอดีตอันเลือนราง แต่ก็มีข้อเท็จจริงมากมายที่สนับสนุนสมมติฐานนี้.......              
เรื่อง รามายณะ ของอินเดียนั้น ประกอบด้วยการพรรณนารายละเอียดของวิมาน หรือยานเหาะ ยานดังกล่าวควบคุมตัวเองได้ด้วยของเหลวสีขาวออกเหลือง วิมานนี้มีขนาดใหญ่ มีสองชั้น มีหน้าต่าง หลังคาโดมยอดแหลม ยานในสมัยโบราณนี้บินได้ด้วยความเร็วลม ขึ้นอยู่กับทักษะความสามารถของผู้ควบคุม และให้เสียงอันไพเราะจับใจ การควบคุมนั้นต้องใช้ความฉลาดอย่างสูง ยานดังกล่าวเดินทางไปในท้องฟ้า หรือหยุดนิ่งในอากาศได้
             
วิมานนี้ถูกเก็บไว้ใน วิมานคฤหะ หรือโรงเก็บเครื่องบิน บันทึกโบราณกล่าวว่าวิมานนั้นโผบินไปเหนือเมฆ และบินจากระดับสูง เห็นทะเลดูคล้ายบ่อน้ำเล็ก ๆ ผู้ท่องอากาศจะเห็นภูมิประเทศโดยรอบมหาสมุทร และปากแม่น้ำพบกับมหาสมุทร
             
ยานอากาศโบราณนี้ กษัตริย์ยังใช้ในสงคราม และเป็นเครื่องเล่นในหมู่บุคคลชั้นสูง ผู้แสวงหาความเพลิดเพลิน เป็นไปไม่ได้เลยที่รายละเอียดชัดเจนเช่นนี้จะเป็นเพียงเรื่องเพ้อฝัน              
ประเทศจีน จักรพรรดิชุน ซึ่งมีพระชนมชีพเมื่อประมาณ 4,200 ปีก่อน ได้สร้างยานเหาะขึ้น จักรพรรดิพระองค์นี้มิได้เป็นนักบินคนแรกเท่านั้น ยังเป็นนักโดดร่มคนแรกด้วย         


จูหยวน (340 - 278 ปีก่อนคริสตกาล) เขียนบรรยายการเดินทางไปในอากาศไว้เป็นกลอนชื่อว่า ลีเซา เมื่อเขาคุกเข่าลงที่หลุมพระศพจักรพรรดิชุน ยานหยกที่ใช้มังกรลากก็ปรากฏ จูหยวนได้อยู่บนยานดังกล่าว และเหาะไปสูงข้ามประเทศจีนในทิศทางเทือกเขาคุนลุ้น ในการท่องอากาศครั้งนี้ เขาได้สังเกตพื้นแผ่นดิน โดยไม่ได้รับผลจากลมหรือฝุ่นในทะเลทรายโกบีเลย จูหยวนมิได้ประสบความสำเร็จในการบินครั้งนั้นเท่านั้น หากในครั้งต่อมายังได้สำรวจเทือกเขาคุนลุ้นทางอากาศอีกด้วย จักรพรรดิเฉิน ถัง (1766 ปีก่อนคริสตกาล) ผู้สถาปนาราชวงศ์ชาง โปรดให้ไคคุง ชี สร้างยานเหาะ วิศวกรโบราณท่านนี้ได้สร้างตามพระบรมราชโองการ และทดลองยานะเหาะนั้น โดยเหาะไปถึงมณฑลเหอหนาน อย่างไรก็ตาม มีพระบรมราชโองการให้ทำลายยานดังกล่าว ความลับเรื่องกลไกจึงไม่ตกไปอยู่ในมือศัตรู

กลไกการบินของจีนโบราณนั้น เป็นผลผลิตจากการทดลองทางวิทยาศาสตร์หรือไม่ ก็เป็นความทรงจำจากเผ่าพงศ์ก่อนสมัยน้ำท่วม เนื่องจากในเวลานั้นชาวจีนยังไม่มีเทคโนโลยี เราจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากยอมรับความเป็นไปได้ในกรณีที่สอง
           
การเหาะของจูหยวนไปยังคุนลุ้นนั้น อาจจะให้ร่องรอยแก่เราถึงแหล่งที่มาของความรู้ทางเทคนิคนี้ ในประเทศจีนโบราณ เทือกเขาคุนลุ้นอันยิ่งใหญ่นั้น ชาวจีนถือกันว่าเป็นที่พำนักของพระเจ้า ยานเหาะเหล่านี้ตามธรรมเนียมแล้วจะสงวนไว้แก่จักรพรรดิ และนักพรตผู้ที่ถือกันว่าเป็นสื่อกลางระหว่างมนุษยชาติ และภูตผีปิศาจแห่งขุนเขา
           
ข้อพิสูจน์ทางอ้อมของทฤษฎีของเราที่ว่า คนสมัยโบราณรู้เรื่องการบินนั้น พบจากการมีอยู่ของคำศัพท์ภาษาจีน ที่หมายถึงยานเหาะ เมื่อเผชิญหน้ากับการปรากฏของเครื่องบินในต้นศตวรรษนี้ ชาวจีนก็ไม่ได้สร้างคำใหม่เหมือนอย่างเรา หากแต่ใช้คำเก่า นั่นคือ เฟยจี (ยานเหาะ)
           
เมื่อปีที่สิบสอง รัชสมัยจักรพรรดิหยาว (2,346 ปีก่อนคริสตกาล) มีชายประหลาดคนหนึ่งชื่อว่า ชีเชียงซืออู เขามีความสามารถในการยิงธนู จนจักรพรรดิขนานนามว่า จอมขมังธนู และโปรดให้เป็นนายช่างใหญ่ ......      
จานหินประลาดที่ค้นพบในตำบลไบอัน -
คารา - อูลา ที่พรมแดนจีนทิเบต
ในพงศาวดารจีน มีบันทึกไว้ว่า ชายคนนี้ได้ขี่นกสวรรค์เพื่อไปยังกึ่งกลางเส้นขอบฟ้า เขาสังเกตว่าเขาไม่อาจเห็นการเคลื่อนที่ของดวงอาทิตย์อีก ในอวกาศนอกโลกเรานั้น นักบินอวกาศจะไม่สามารถเห็นดวงอาทิตย์ขึ้นลงได้เช่นกัน แล้วบันทึกโบราณเรื่องนายช่างใหญ่บิน จะบอกได้ไหมว่า คนสามารถเดินทางระหว่างดวงดาวได้เมื่อเวลานับพันปีมาแล้ว ....          
นักคิดผู้ยิ่งใหญ่ของจีนชื่อจ้วงชือ เขียนบทความเมื่อศตวรรษที่สามก่อนคริสตกาล ชื่อ การเดินทางไม่มีที่สิ้นสุด เขาเล่าถึงการขี่หลังนกมหัศจรรย์ขนาดใหญ่มหึมา บินไปในอวกาศเป็นระยะทาง 32,500 ไมล์จากโลก   พวกนับถือแนวคิดแบบเต๋าเชื่อว่า เฉินเจินหรือมนุษย์มหัศจรรย์ สามารถเหาะไปในอากาศได้ โดยขึ้นขี่ปีกของลม พวกเขาผ่านไปบนเมฆ จากโลกหนึ่งไปยังอีกโลกหนึ่ง และอาศัยอยู่บนดวงดาวเถิงมู บัณฑิตแห่งราชวงศ์สุ้ง ได้เขียนเกี่ยวกับ ท้องฟ้าอื่น และโลกอื่น หม่าชื่อจัน แพทย์ผู้มีชื่อของจีนโบราณ หลังจากมีความเชี่ยวชาญทางปรัชญาเต๋า ก็ถูกพาตัวไปยังสวรรค์ขณะยังมีชีวิต
         
ในการเดินทางไปยังทิเบต และมองโกเลีย ศาสตราจารย์นิโคลัส เรอริช ได้เห็นทางเดินในคัมภีร์ทางพุทธศาสนาเกี่ยวกับ งูเหล็กที่ทำลายอวกาศ ด้วยไฟและควัน และ อาศัยในดวงดาวที่ไกลออกไป   เวียเชสลอฟ ไซต์เซฟ ได้เขียนไว้ในนิตยสาร เนมัน ของโซเวียต (ฉบับที่ 12 ปี 1966) เกี่ยวกับจานหินประลาดที่ค้นพบในตำบลไบอัน - คารา - อูลา ที่พรมแดนจีนทิเบต จานหินเหล่านี้มีรูตรงกลาง คล้ายแผ่นเสียง มีร่องคู่จารึกฮีโรกลิฟิกลึกลงไปเป็นแนวก้นหอย วนจากใจกลางถึงขอบจาน

ศาสตราจารย์จุม - อุม - นุย 
พร้อมกับผู้ร่วมงานสี่คน ได้ถอดรหัสตัวเขียนในร่องดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ในตอนแรกการค้นพบดังกล่าวสร้างความตื่นตระหนกมาก จนราชบัณฑิตแห่งปักกิ่งสาขาประวัติศาสตร์ไม่ยอมให้นักวิทยาศาสตร์ชาวจีนเหล่านี้ตีพิมพ์งานค้นพบดังกล่าว แต่หลังจากมีการขออนุญาตแล้ว หนังสือเล่มหนึ่งก็ปรากฏมา ด้วยความเชื่อที่น่าสนใจ นั่นคือเรื่อง อักษรฮีโรกลิฟิกบนจานหิน จารึกเรื่องยานอวกาศเมื่อ 12,000 ปีก่อน       การวิเคราะห์เศษหินจากจานนั้น เผยให้เห็นผลลัพธ์ที่น่าพิศวง นั่นคือ หินดังกล่าวประกอบด้วยโคบอลต์ปริมาณสูง และมีโลหะอื่นเล็กน้อย เมื่อทดสอบจากเครื่องวัดคลื่น ปรากฏว่าจานนี้แสดงความถี่ออกมาอย่างประหลาด ราวกับเคยถูกประจุทางไฟฟ้ามาเมื่อพัน ๆ ปีก่อน
                        
จีเพนเหลาแห่งมหาวิทยาลัยปักกิ่ง ได้ค้นพบภาพวาดประหลาดที่ภูเขาหูหนาน และบนเกาะแห่งหนึ่งในทะเลสาบทุงทิง เป็นภาพที่วาดขึ้นเมื่อประมาณ 45,000 ปีก่อนคริสตกาล หินแกรนิตนี้มีภาพวาดคนลำตัวใหญ่ และมีลักษณะเป็นทรงกระบอก เป็นเรื่องยากที่จะยอมรับว่าหมวกอวกาศและยานอวกาศเคยมีมื่อเวลานานแสนนานมาแล้ว แต่นอกจากนี้ยังมีคำอธิบายอื่นอีกหรือ?
             
จากการศึกษาเรื่องปรัมปรา และบันทึกทางประวัติศาสตร์ ทำให้ทราบว่ามนุษย์ที่เหาะขึ้นไปในสวรรค์ และผู้มาเยือนจากต่างดาวที่มายังโลกนั้น ต่างเป็นความจริงในสมัยอดีตไกลโพ้น ไม่ว่าผู้เยี่ยมเยือนจากอวกาศนี้จะมาจากโลกอื่น หรือจากอาณานิคมแอตแสลติสอันลี้ลับในส่วนที่ห่างไกลในโลกเราก็ตาม นั่นก็เป็นเรื่องใหญ่ที่จะต้องคาดคะเนต่อไป อย่างไรก็ตาม ไม่มีความขัดแย้งใด ๆ ระหว่างเรื่องราวทั้งสองนั้น หากเราอนุมานจากพื้นฐานข้อมูลที่มีอยู่ ว่าแอตแลนติสได้ติดต่อกับอารยธรรมในดาวเคราะห์ดวงอื่น
             
ในบทความเรื่อง ตามเส้นทางแห่งตำนาน ยู. ทคาเชฟ เขียนไว้ในนิตยสาร สเมนา ของรัสเซีย โดยเน้นถึงประโยชน์ของการนึกคิดเพ้อฝันในขอบข่ายทางวิทยาศาสตร์ เพราะความสัมพันอันแน่นแฟ้นระหว่างความคิดของเขา กับโครงเรื่องของหนังสือเล่มนี้ เราจึงขอยกมาอ้างว่า
โลกเรานั้นเคยมีนักบินอวกาศจากต่างแดนมาเยี่ยมเยียน บนทวีปแอตแลนติสนั่นเอง ที่ยานอวกาศลงจอดเห็นได้ชัดว่าโลกเรามิได้เป็นฐานหลักแต่อย่างใด มิฉะนั้นแล้วการพำนักอยู่ของพวกเขาคงจะให้ร่องรอยที่ชัดเจนยิ่งไปกว่านี้ และยังปรากฏชัดว่านักบินอวกาศนั้นมีเทคโนโลยีจนสามารถสร้างดาวเทียม ด้วยสภาพเงื่อนไขพิเศษ พวกเขาใช้ดินแดนเหล่านั้นเป็นที่มั่น พวกเขาจึงมาเยือนโลกเราและดาวเคราะห์อื่น ๆ ใน ระนาบดวงดาว พวกเขาคงจะคุ้นเคยกับชาวแอตแลนติสในไม่กี่สาขาวัฒนธรรมเท่านั้น ในวัฒนธรรมเหล่านี้ไม่มีที่ใดใช้ผู้คนบริเวณใกล้เคียงเป็นทาส เพราะความเป็นมนุษย์ที่ไม่อาจวัดได้ของพวกเขา และเป็นไปในทำนองเดียวกันกับงานจิตรกรรม ประติมากรรม สถาปัตยกรรม คณิตศาสตร์ และดาราศาสตร์ เป็นไปได้ว่าพวกเขาจะมาเยือนโลกเป็นเวลานาน และการเดินทางนี้ถูกบันทึกไว้ในเรื่องพื้นบ้าน ในฐานะเป็นเทพเจ้าจากสวรรค์ลงมายังโลก ชาวแอตแลนติสได้ตั้งรัฐแห่งแรกในประวัติศาสตร์ของโลก ทวีปของเขาจมลงเมื่อ 11,500 ปีก่อน ที่ตั้งหลักของวัฒนธรรมได้มลายสูญไป ความรู้ค่อย ๆ หายไปจากมนุษยชาติ แต่ในบางโอกาส ศาสตร์โบราณจะปรากฏให้เราเห็น

จารึกบนจาน ไบอัน - คารา - อูลา สลักภาพดวงอาทิตย์
พระจันทร์ และดวงดาว และจุดแปลกอื่น ๆ ที่เคลื่อนจากฟ้ามายังโลก  ด็อกเตอร์คาร์ล ซากัน นักดาราฟิสิกส์ชาวอเมริกา ผู้มีชื่อเสียง ได้ให้ข้อสรุปที่น่าสนใจจากพื้นฐานการคำนวณทางคณิตศาสตร์ เขาเสนอว่าหากอารยธรรมที่ก้าวหน้าแต่ละแห่งในกาแลกซีเราได้ส่งยานอวกาศมาปีละครั้ง ในทิศทางของดาวเพื่อนบ้าน ระยะห่างประมาณ 5,500 ปี จากการคำนวณของด็อกเตอร์ซากัน คาดว่าไม่ช้านักสำรวจจากระบบสุริยะอื่นก็จะบินมาหาเรา ตามการท่องเที่ยวสำรวจโดยปกติของพวกเขา ครั้นเมื่อลงจอดบนพื้นโลก นักบินนอกโลกจะตื่นเต้นแปลกใจอย่างใหญ่หลวง กับความก้าวหน้าที่มนุษยชาติมีนับตั้งแต่ราชวงศ์แรกในอียิปต์โบราณ            
เป็นเรื่องบังเอิญที่เรื่องเล่าของแอซเต็กได้กล่าวถึงสัญญาของ บุตรแห่งสวรรค์ ที่จะกลับมาอีกใน 6,000 ปี นั่นคือในยุคประวัติศาสตร์ของเรา
           
ด็อกเตอร์คาร์ล ซากัน เชื่อว่า โลกเราอาจจะมีอารยธรรมหลากหลายมาเยือนหลายครั้งจากทางช้างเผือก ในช่วงเวลาทางธรณีวิทยา และคงไม่เป็นที่สงสัยเลยว่า ยานอวกาศที่มาเยือนนั้นยังคงอยู่ นักวิทยาศาสตร์อเมริกาท่านนี้แนะนำมิให้เราละเลยต่อเรื่องปรัมปราโบราณ ที่อาจจะมีเรื่องราวการปรากฏกของผู้เยี่ยมเยือนจากอวกาศ โดยพรรณนาให้เป็นเทพเจ้า หรือนางฟ้าในคัมภีร์หรือตำนานพื้นบ้าน        
คาร์ล ซากัน นักดาราฟิสิกส์ชาวอเมริกา
 ผู้มีชื่อเสียง
ทุกวันนี้ ปฏิกิริยาของผู้คนทั่วไปที่ไม่เคยเห็นเครื่องบินหรือรถยนต์ในพื้นที่ห่างไกลบนโลก ก็จะเป็นเช่นเดียวกับที่คนโบราณบรรยายไว้ เมื่อเผชิญหน้ากับการปรากฏของเครื่องกลประหลาด ในทศวารรษที่หกสิบ รถจิ๊ปคันหนึ่งถูกถอดเครื่องเคราออก พาไปเหนือโรห์ตังพาสส์ ที่สูง 13,400 ฟุตบนเทือกเขาหิมาลัย และประกอบเครื่องขึ้นใหม่ที่ลาฮวล เมื่อลงจากหุบเขา ชาวพื้นเมืองต่างแปลกใจ เพราะไม่เคยเห็นยานขับเคลื่อนเชิงกลนี้ พากันออกมาคำนับบูชาการปรากฏอำนาจเหนือธรรมชาติ   เมื่อเครื่องบินลงจอดที่เมืองลาดัคห์เป็นครั้งแรก เมื่อ ค.ศ.1948 ปฏิกิริยาของชาวทิเบตที่มีต่อสัตว์ประหลาดบินได้นี้น่าตลกมาก นั่นคือพวกเขาไปหาหญ้ามาให้มันกิน
             
 เค.อี. ทซิโอลคอฟสกี้ นักสำรวจอวกาศชาวรัสเซีย เมื่อต้องแสดงความคิดเห็นเรื่องความเป็นไปได้ของการติดต่อระหว่างดาว เขากล่าวว่า การเยือนโลกเราจากคนดาวอื่นนั้น เกิดขึ้นได้ในอดีต และจะเกิดขึ้นในอนาคตจริง ๆ

เมื่อได้รับคำถามอย่างเดียวกันนี้ เมื่อ ค.ศ.1930 ศาสตราจารย์ เอ็น.เอ. ไรนิน แห่งสหภาพโซเวียตก็ตอบว่า หากเราแปลงนิทาน และตำนานของคนโบราณแสนนานมาแล้ว เราจะพบความบังเอิญอย่างน่าแปลก ในบรรดาตำนานของประเทศต่าง ๆ ที่มีมหาสมุทรและทะเลทรายกั้นอยู่ ความบังเอิญระหว่างตำนานต่าง ๆ บ่งบอกถึงการเยี่ยมเยือนโลก จากผู้อาศัยในโลกอื่น ๆ ในห้วงเวลาแห่งความทรงจำ แล้วทำไมจึงไม่ยอมรับว่า จุดกำเนิดแห่งความจริงยังคงมีอยู่ในแก่นของตำนานเหล่านี้ ?
             
หากตัวตนจากโลกอื่น ๆ มาเยือนโลกเราในยุคสมัยที่ไม่มีใครจำได้ ก็จะเป็นที่กระจ่างชัดว่ามีผลพวงและเมล็ดพันธุ์ที่ไม่รู้จักแก่โลก ที่พระเจ้านำมาจากโลกอืน
มนุษย์สมัยวิทยาศาสตร์ได้ครุ่นคิดถึงประเด็นการติดต่อนอกจักรวาลในสมัยอดีต ซึ่งเป็นไปได้ว่าอยู่ในสมัยแอตแลนติส และนับเป็นเรื่องที่มีค่าควรแก่การพิจารณาอย่างจริงจังในยุคอวกาศนี้อย่างไม่ต้องสงสัย อันเป็นสมัยเมื่อเรากำลังจะออกไปสำรวจดาวเคราะห์ดวงอื่น
             
เบื้องหลังตำนานต่าง ๆ เราสามารถวินิจฉัยได้คร่าว ๆ ถึงยุคที่ห่างไกล อันมีเผ่าพงศ์ที่สาบสูญ ผู้บรรลุถึงเทคโนโลยีขั้นสูง

วันเสาร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

พบรอยเท้ามนุษย์ยุคหิน อายุกว่า 100,000 ปี บนชายหาดในสเปน


ค้นพบรอยเท้ามนุษย์ยุคหิน อายุกว่า 100,000 ปี บนชายหาดในสเปน

ค้นหา ค้นพบรอยเท้ามนุษย์ยุคหิน อายุกว่า 100,000 ปี บนชายหาดในสเปน

เมื่อเร็วๆนี้สื่อต่างประเทศได้นำเสนอเรื่องราวการค้นพบหลักฐานสำคัญเกี่ยวกับมนุษย์ยุคหินบนชายฝั่งทางตอนใต้ของสเปน โดยคาดวาจะมีอายุประมาณ 100,000 ปี และเชื่อกันว่าเป็นร่องรอยของมนุษย์ยุคหินเก่าที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป

นักวิทยาศาสตร์ที่ปฏิบัติงานภายใต้ Eduardo Mayoral จาก University of Huelva ได้เผยแพร่เอกสารเกี่ยวกับรอยเท้ามนุษย์มนุษย์ยุคหิน จำนวน 87 แห่ง 

โดยอาศัยลักษณะทางกายวิภาคของรอยเท้าเป็นหลักอย่างสมบูรณ์แบบ เช่นเดียวกับข้อมูลเกี่ยวกับผู้อยู่อาศัยในสเปนยุคก่อนประวัติศาสตร์ ประชากรมนุษย์ยุคหินในยุโรป และเอเชีย ตั้งแต่ประมาณ 40,000 ถึง 400,000 ทศวรรษย้อนหลัง

ทั้งนี้เป็นที่รู้จักกันในทางวิทยาศาสตร์ระบุ Homo neanderthalensis สายพันธุ์นี้เป็นญาติของมนุษย์ที่ใกล้สูญพันธุ์มากที่สุด ซึ่งหลักฐานทางบรรพชีวินวิทยาที่ปรากฏให้เห็นนี้ จะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ทำการพัฒนาไปสู่ความรู้ใหม่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของมนุษย์ให้ดีขึ้นอีกด้วย

รายการบล็อกของฉัน