หน้าเว็บ

Custom Search

บทความที่ได้รับความนิยม

Translate

วันพฤหัสบดีที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ปริศนาลึกลับ..ลูกบาศก์ ทรงกลม และเส้น

ปริศนาลึกลับ..ลูกบาศก์ ทรงกลม และเส้น
(Sphere and cube)           
เสาคุทบ์มินาร์ ในเมืองเดลฮีประเทศอินเดีย
เสาคุทบ์มินาร์ ในเมืองเดลฮีประเทศอินเดียนั้น เป็นปริศนาอย่างหนึ่ง เสาเหล็กนี้สูงประมาณ 26 ฟุต 3 นิ้ว และขนาดหนึ่งคนโอบ น้ำหนักสองตัน มีจารึกที่ฐานเขียนว่า เมื่อข้ายืนอยู่ อาณาจักรฮินดูก็ดำรงอยู่... เหล็กที่นำมาสร้างเสาคุทบ์มินาร์นี้ ไม่ขึ้นสนิม การสร้างเหล็กไร้สนิมนั้น แม้เทคโนโลยีสมัยใหม่ก็ยังต้องใช้เตาเผาไฟฟ้า ความลับของผู้ประดิษฐ์โบราณผู้สร้างโลหะน่าอัศจรรย์นี้ ซึ่งสร้างเสาดังกล่าว เมื่อ 1,500 ปีก่อน ได้หายไปในความมืดของกาลเวลา
             
เมื่อปี ค.ศ.1885 มีการพบลูกบาศก์โลหะในแท่งถ่านหินที่โรงหล่ออิซิดอร์เบราน์ แห่งโวคลาบรูค ประเทศออสเตรีย ถ่านหินดังกล่าวมาจากเหมืองโวล์ฟเซกก์ ใกล้เมืองชวาเนนสตัดต์ บุตรของแฮร์ เบราน์ มอบวัตถุน่าสนใจนี้แกพิพิธภัณฑ์ลินซ์ อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้มีเพียงแบบพิมพ์ที่เก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์เท่านั้น ส่วนต้นแบบนั้นสูญหายไปแล้ว ลูกบาศก์ดังกล่าวมีการบรรยายไว้ในวารสารต่าง ๆ เช่น Nature (ลอนดอน, พฤศจิกายน 1886) L'Astronomie (ปารีส, 1886) และอื่น ๆ ด้านตรงข้ามสองด้านของลูกบาศก์นี้กลมมน เส้นผ่าศูนย์กลางระหว่างผิวกลมนี้เป็น 67 คูณ 47 มิลลิเมตร มีร่องลึกโดยรอบผ่านบริเวณตรงกลาง น้ำหนัก 785 กรัม และส่วนประกอบมีลักษณะคล้ายกับโลหะนิเกิล-คาร์บอน ส่วนซัลเฟอร์นั้นมีน้อยมาก เพราะเป็นไพไรต์ตามธรรมชาติ (โลหะประเภทซัลได์)
อารยธรรมอินเดียสมัยจักรวรรดิโมกุล
เศษโลหะนี้ถูกฝังอยู่ในแท่งถ่านหินในยุคเทอร์เชียรี อายุนับสิบล้านปีมาแล้ว นักวิทยาศาสตร์บางท่านพิจารณาว่าเป็นอุกกาบาตจมในซากหิน แต่บางท่านก็คิดว่าวัตถุนี้เป็นสิ่งประดิษฐ์ เพราะมีรูปทรงเรขาคณิต และมีรอยเว้าแหว่ง แต่จากหลักวิทยาศาสตร์แล้ว เวลานั้นมนุษย์ยังไม่มีอยู่บนดาวดวงนี้ สิ่งประดิษฐ์ดังกล่าวจึงยังคงไร้คำอธิบาย
อุกกาบาตรูปร่างแปลกที่พบในเมืองเอทัน รัฐโคโลราโด และผู้เชี่ยวชาญทางอุกกาบาตชื่อ เอช. เอช. นินินเจอร์ ได้ศึกษา ก็เป็นเรื่องลี้ลับอีกเรื่องหนึ่งเพราะส่วนประกอบทางเคมีนั้น เป็นทองแดง สังกะสี และตะกั่ว หรือทองเหลือง ซึ่งเป็นโลหะผสมที่สร้างขึ้น ไม่ใช่วัตถุทางธรรมชาติ อุกกาบาตนี้ไม่ใช่ เศษขยะจากอวกาศ เพราะมันหล่อนลงมาตั้งแต่ ค.ศ.1931
             
เมื่อศตวรรษที่สิบหก ชาวสเปนได้พบตะปู โลหะยาวเจ็ดนิ้ว ฝังอยู่ในหินในเหมืองที่เปรู เราอาจจะตั้งสมมติฐานอย่างใกล้เคียงที่สุดว่ามีอายุนับหมื่นปีมาแล้ว ในดินแดนที่เพิ่งจะรู้จักเหล็ก เมื่อไม่นานมานี้ เรื่องนี้จึงเป็นการค้นพบที่น่าตื่นเต้นแปลกใจอย่างแท้จริง และไม่น่าแปลกใจเลยที่ตะปูแปลกประหลาดนี้จะปรากฏในห้องทำงานของฟรานซิสโก เด โตเลโด ผู้ว่าการแห่งเปรูด้วยความภาคภูมิใจ      
ภาพขนาดยักษ์ วาดลงในพื้นที่ทะเลทราย
เมืองนาสกา ประเทศเปรู 
บนที่ราบสูงแห้งแล้วใกล้เมืองนาสกาในเปรู ปรากฏภาพขนาดใหญ่และมีเส้นยาวหลายไมล์ เกิดจากก้อนหินทอดเรียงไปบนพื้น จากการสำรวจทางอากาศจึงได้ค้นพบแบบลายดังกล่าว ลายเส้นเราขาคณิตบนพื้นนี้ ยังคงความลี้ลับมานับตั้งแต่มีการค้นพบ ผู้สร้างได้สร้างไว้อย่างไร จึงมีความสมบูรณ์แบบ และไม่อาจจะเห็นได้จากทางภาคพื้น เจ. อัลเดน เมสัน กล่าวไว้ในหนังสือเรื่อง อารยธรรมโบราณแห่งเปรู (The Ancient Civilization Of Peru) หรือว่าเส้นลากแห่งนาสกานี้ ถูกใช้เป็นสัญญาณชี้ทางสำหรับยานอวกาศสมัยโบราณ ?              
ในบรรดาร่องรอยที่เป็นไปได้ว่าชาวแอตแลนติสได้ทิ้งไว้ อาจจะนับรวมถึงทรงกลมแปลกประหลาดนับพันลูก ซึ่งพบในป่าทึบที่คอสตาริกาทางตะวันตกเฉียงใต้ กัวเตมาลา และเม็กซิโก ลูกหินเหล่านี้ขัดแต่งไว้อย่างดี และมีเส้นผ่าศูนย์กลางต่างกันไป จากไม่กี่นิ้วถึง 8 ฟุต ลูกหินภูเขาไฟเหล่านี้บ้างก็มีน้ำหนักเป็นหลายตัน และมีรูปทรงที่สมบูรณ์แบบ สิ่งที่น่าฉงนก็คือ ไม่ปรากฏเครื่องมือใด ๆ ที่สร้างขึ้นในตำแหน่งนั้นเลย หินที่นำมาสร้างลูกกลม ๆ นี้อยู่ในระยะห่างกันพอประมาณ ผู้ใดได้สร้างก้อนหินลึกลับเหล่านี้ ? พวกเขาอยู่ในยุคใด ? พวกเขานำมาจากแหล่งและวางไว้บนยอดเขาได้อย่างไร ? และเพื่อจุดหมายใด ์ สิ่งเหล่านี้คือปัญหาที่การศึกษาโบราณคดีกำลังพยายามจะหาคำตอบ
             
หินเหล่านี้บางก้อนจัดวางในรูปแบบสามเหลี่ยม เป็นการบ่งชี้ถึงการใช้สัญลักษณ์บางประการในทางศาสนา หรือทางดาราศาสตร์ มีผู้คิดว่าอารยธรรมที่สร้างลูกทรงกลมเหล่านี้จะต้องมีความก้าวหน้าเป็นอย่างยิ่ง
             
ตุ๊กตาลึกลับจำนวนมากที่พบใกล้กับเวรา ครูซ ในเม็กซิโก ปรากฏเป็นสัตว์คล้ายจระเข้อยู่บนล้อสี่ล้อ นี่เป็นเรื่องแปลก เพราะก่อนสเปนจะบุกรุกชาวอเมริกันอินเดียนไม่เคยใช้ล้อเลย ในอเมริกาไม่เคยมีใครรู้จักเกวียน การวัดอายุล้อของเล่นเหล่านี้ด้วยคาร์บอนน แสดงว่ามีอายุจาก 1,200 ถึง 2,000 ปี มีคำถามว่าเหตุไฉนชาวมายาจึงไม่ใช้ยานล้อเลื่อน หากแต่เด็ก ๆ ของตนกลับเล่นตุ๊กตามีล้อเหล่านี้ ทั้งนี้เหตุที่เด็ก ๆ ในประเทศเราเล่นรถตุ๊กตา ก็เพราะผู้ใหญ่ในบ้านเราใช้รถนั่นเอง
ภาพเขียนบนหินในฮาวาซูไพแคนยอน
ที่นอร์ธอะริโซนา
คงจะมีนักมานุษยวิทยาเพียงไม่กี่ท่าน ที่จะสนุกกับความคิดเรื่องการมีสัตว์ก่อนประวัติศาสตร์อยู่ร่วมกับเผ่ามนุษย์ผู้มีอารยธรรม อย่างไรก็ตาม ศาสตราจารย์เดนิส ซัวแรต แห่งฝรั่งเศสจำได้ว่า มีศีรษะของท็อกโซดอนปรากฏในส่วนประดับของปฏิทินของเตียอัวนาโก ท่านมีความเห็นว่า การมีอยู่ร่วมกันของท็อกโซดอนและผู้สร้างอารยธรรมเหล่านี้ เป็นเรื่องที่ไม่อาจหาข้อโต้แย้งได้เลย
             
เมื่อ ค.ศ.1924 การสำรวจทางโบรารณคดีที่โดเฮนี ได้ค้นพบภาพเขียนบนหินในฮาวาซูไพแคนยอน ที่นอร์ธอะริโซนา ภาพนั้นคล้ายกับภาพไดโนเสาร์พวกไทรันโนซอรัสกำลังยืน อย่างไรก็ตาม เราถือว่าสัตว์ประหลาดนี้สูญพันธุ์ไปแล้วนับล้านปี นับเป็นเวลานานก่อนที่มนุษย์จะอุบัติขึ้น          
ภาพเขียนสมัยก่อนประวัติศาสตร์นี้ ชี้นำว่าศิลปินสมัยแรกเริ่มนั้นมีอายุร่วมสมัยกับไทรันโนซอรัส นับว่ามีเหตุผลที่จะสรุปว่า ช่วงเวลาที่สัตว์ประหลาดเหล่านั้นสูญพันธุ์ จะต้องยืดยาวต่อมาข้างหน้า หรือไม่ก็เวลากำเนิดของมนุษย์บนโลกก็ควรจะย้อนกลับไปข้างหลัง

หินสลักในแม่น้ำบิกแซนดี้ ในโอเรกอน สามารถบ่งบอกได้ว่าเป็นรูปสเตโกซอรัส สัตว์โลกอีกตัวหนึ่งที่คาดว่าสูญพันธุ์ไปก่อนการมาถึงของโฮโมซาเปียนส์

ภาพหินสลักที่พบบริเวณ
ปากแม่น้ำ บิกแซนดี้
หากมีผู้สำรวจพบช้างป่าอเมริกากลางทุกวันนี้ เขาอาจจะสะดุ้งตกใจที่สุดในชีวิต แน่นอนว่าช้างจะต้องมีอยู่ในอดีตที่ไม่นานมานี้ ในบรรดาสิ่งหลงเหลือของวัฒนธรรมโคเคิลในปานามา ก็คือภาพช้างมีงวง หูเหมือนใบไม้ใหญ่และมีแถบยาวบนหลัง งานปั้นชิ้นนี้ไม่เพียงเป็นชิ้นเดียวในพื้นที่ส่วนนี้ของโลกเท่านั้น หากแต่ในโคปัน ประเทศฮอนดูรัส ก็ยังมีภาพสลักคนขี่ช้างบนอนุสาวรีย์ศิลาด้วย อย่างไรก็ตาม นักโบราณคดีบางท่าน ซึ่งความกังขาของท่านนั้น บางครั้งก็มียิ่งใหญ่กว่าสามัญสำนึก โดยบอกว่าเป็นภาพของนกแก้วบนที่ราบสูงมาร์คาฮัวสิ ใกล้กับกรุงลิมาประเทศเปรู มีการค้นพบหินก้อนใหญ่มหึมาสลักภาพช้าง ที่ถือว่าสูญพันธุ์ไปจากแอฟริกาแล้ว 7,000 ปี ภาพของช้างเหล่านี้มีความชัดเจนมาก จนด็อกเตอร์แดเนียล รูโซ ผู้ค้นพบนี้ไม่อาจจะบอกได้ว่าเป็นนกแก้ว ในพื้นหินเขียนภาพที่รูโซนี้ พบภาพอูฐ ม้าและวัว ซึ่งไม่มีสัตว์ชนิดใดมีอยู่ในอเมริกาสมัยโคลัมบัส ลักษณะที่เก่าแก่ที่สุดของการแสดงศิลปะบนหินนี้ ปราศจากข้อสงสัยใด ๆ ทั้งสิ้น
ข้อสงสัยเรื่องช้างนี้ไม่มีอีกต่อไปแล้ว เพราะซากหินที่คงอยู่ของมนุษย์สมัยแรก ๆ พร้อมกับกระดูกช้างที่สูญพันธุ์ไปแล้ว ถูกค้นพบโดย เฮลมุต เดเทอร์รา ที่เมืองเตเปกซ์ปัน ประเทศเม็กซิโก จากการทดสอบด้วยคาร์บอน 14 ทราบว่าสัตว์เหล่านี้มีอาศัยอยู่ประมาณ 9,300 ปี ก่อนคริสตกาล หรือราว 250 ปี หลังจากเรื่องตำนานการจมของแอตแลนติส ศาสตร์ที่อาจยังคงท้าทายก็คือ อายุที่เก่าแก่มากของเครื่องประดับ และรูปปั้นช้างในอเมริกาใต้และอเมริกากลาง
แบบเครื่องถ้วยโคเคิล มีภาพของกิ้งก่าบิน ซึ่งดูคล้ายกันมากกับสัตว์เลื้อยคลานที่สูญพันธุ์ไปแล้ว นับเป็นเรื่องสำคัญมากที่มีภาพเขียนของสัตว์โลกสมัยก่อนประวัติศาสตร์เคียงข้างกับสัตว์ที่เรารู้จัก
สเตโกซอรัส มีความยาวถึง 6 เมตร          
นครที่เก่าแก่ยิ่งสองแห่งถูกค้นพบในตำบลนาสกา ใกล้เมืองปิสโก ประเทศเปรู ในบรรดาสิ่งที่ค้นพบทางโบราณคดีจากอารยธรรมนั้น มีความเก่าแก่กว่าวัฒนธรรมก่อนอินคามากอย่างไม่อาจคะเน นั่นคือ ภาชนะประหลาดที่พบโดยศาสตราจารย์จูเลีย เทลโล เมื่อประมาณ ค.ศ.1920 มีเหยือกวาดภาพตัวลามะที่มีนิ้วห้านิ้ว (Lama เป็นสัตว์เคี้ยวเอื้องที่มีขนปุย จำพวก Lama พบในอเมริกาใต้) ปัจจุบันสัตว์ดังกล่าวมีเพียงสองนิ้ว แต่ตามขั้นการพัฒนา พบว่าในสมัยแรก ๆ สัตว์เหล่านี้มีห้านิ้ว เช่นเดียวกับวัวควาย และที่มากกว่านั้นก็คือ ลามะห้านิ้วเหล่านี้ไม่ได้เป็นสัตว์ในจินตนาการ เพราะมีโครงกระดูกที่ขุดค้นได้จริงในบริเวณเดียวกัน เราสามารถได้ข้อสรุปที่น่าสนใจจากข้อเท็จจริงนี้ นั่นคือ ผู้คนที่มีวัฒนธรรมได้อาศัยในอเมริกาใต้ในยุคที่ย้อนหลังไปไกล เมื่อสมัยลามะยังมีห้านิ้ว
           
ในพิพิธภัณฑ์อาศรมรัฐ ในเมืองเลนินกราด มีกระดุมทองคำแบบสไคเธียนเม็ดหนึ่ง มีภาพของเสือเขี้ยวดาบที่สูญพันธุ์ไปแล้วตั้งแต่ปลายยุคน้ำแข็ง

             
ที่มัลตา มีรอยลี้ลับอยู่อย่างหนึ่งปรากฏร่องลึกบนแผ่นหิน มีจุดแยกและทางด้านข้างคล้ายทางรถไฟ ร่องลึกนี้ปรากฏเป็นแนวยาวไปบนแผ่นดินอันเป็นบริเวณที่ไม่มีสัตว์ลากเกวียนผ่านไปมาได้ นอกจากนี้ยังไม่มีร่องรอยกีบเท้าสัตว์หรือรอยเท้าระหว่างร่องลึกนี้เลย อีกจุดหนึ่งมีร่องแบบนี้ที่ชายฝั่งและลากไปถึงใต้อีกเป็นระยะไกลพอสมควร วัตถุประหลาดที่ค้นพบทางโบราณคดีนี้มีประโยชน์อย่างไร ยังไม่มีการบ่งชี้ได้ โดยเฉพาะจากความเก่าที่มากถึง 9,000 ปี
           
นิตยสาร The Scientific American (หน้า 7 - 298, มิถุนายน 1851) รายงานว่าในรัฐแมสซาชูเส็ทท์ สหรัฐอเมริกา มีภาชนะรูปทรงระฆัง ทำด้วยโลหะที่ไม่มีใครรู้จัก มีลายดอกไม้ฝังเงิน พบฝังตัวอยู่ในหินใหญ่ .....ปริศนาทางวิทยาศาสตร์เหล่านี้ สักวันหนึ่งอาจจะทำให้นักปราชญ์ของเราต้องขยายขอบเขตทางประวัติศาสตร์ไปอีกหลายพันปี

รายการบล็อกของฉัน