(Sphere and cube)
เสาคุทบ์มินาร์ ในเมืองเดลฮีประเทศอินเดีย |
เมื่อปี ค.ศ.1885 มีการพบลูกบาศก์โลหะในแท่งถ่านหินที่โรงหล่ออิซิดอร์เบราน์ แห่งโวคลาบรูค ประเทศออสเตรีย ถ่านหินดังกล่าวมาจากเหมืองโวล์ฟเซกก์ ใกล้เมืองชวาเนนสตัดต์ บุตรของแฮร์ เบราน์ มอบวัตถุน่าสนใจนี้แกพิพิธภัณฑ์ลินซ์ อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้มีเพียงแบบพิมพ์ที่เก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์เท่านั้น ส่วนต้นแบบนั้นสูญหายไปแล้ว ลูกบาศก์ดังกล่าวมีการบรรยายไว้ในวารสารต่าง ๆ เช่น Nature (ลอนดอน, พฤศจิกายน 1886) L'Astronomie (ปารีส, 1886) และอื่น ๆ ด้านตรงข้ามสองด้านของลูกบาศก์นี้กลมมน เส้นผ่าศูนย์กลางระหว่างผิวกลมนี้เป็น 67 คูณ 47 มิลลิเมตร มีร่องลึกโดยรอบผ่านบริเวณตรงกลาง น้ำหนัก 785 กรัม และส่วนประกอบมีลักษณะคล้ายกับโลหะนิเกิล-คาร์บอน ส่วนซัลเฟอร์นั้นมีน้อยมาก เพราะเป็นไพไรต์ตามธรรมชาติ (โลหะประเภทซัลได์)
อารยธรรมอินเดียสมัยจักรวรรดิโมกุล |
เมื่อศตวรรษที่สิบหก ชาวสเปนได้พบตะปู โลหะยาวเจ็ดนิ้ว ฝังอยู่ในหินในเหมืองที่เปรู เราอาจจะตั้งสมมติฐานอย่างใกล้เคียงที่สุดว่ามีอายุนับหมื่นปีมาแล้ว ในดินแดนที่เพิ่งจะรู้จักเหล็ก เมื่อไม่นานมานี้ เรื่องนี้จึงเป็นการค้นพบที่น่าตื่นเต้นแปลกใจอย่างแท้จริง และไม่น่าแปลกใจเลยที่ตะปูแปลกประหลาดนี้จะปรากฏในห้องทำงานของฟรานซิสโก เด โตเลโด ผู้ว่าการแห่งเปรูด้วยความภาคภูมิใจ
ภาพขนาดยักษ์ วาดลงในพื้นที่ทะเลทราย เมืองนาสกา ประเทศเปรู |
ในบรรดาร่องรอยที่เป็นไปได้ว่าชาวแอตแลนติสได้ทิ้งไว้ อาจจะนับรวมถึงทรงกลมแปลกประหลาดนับพันลูก ซึ่งพบในป่าทึบที่คอสตาริกาทางตะวันตกเฉียงใต้ กัวเตมาลา และเม็กซิโก ลูกหินเหล่านี้ขัดแต่งไว้อย่างดี และมีเส้นผ่าศูนย์กลางต่างกันไป จากไม่กี่นิ้วถึง 8 ฟุต ลูกหินภูเขาไฟเหล่านี้บ้างก็มีน้ำหนักเป็นหลายตัน และมีรูปทรงที่สมบูรณ์แบบ สิ่งที่น่าฉงนก็คือ ไม่ปรากฏเครื่องมือใด ๆ ที่สร้างขึ้นในตำแหน่งนั้นเลย หินที่นำมาสร้างลูกกลม ๆ นี้อยู่ในระยะห่างกันพอประมาณ ผู้ใดได้สร้างก้อนหินลึกลับเหล่านี้ ? พวกเขาอยู่ในยุคใด ? พวกเขานำมาจากแหล่งและวางไว้บนยอดเขาได้อย่างไร ? และเพื่อจุดหมายใด ์ สิ่งเหล่านี้คือปัญหาที่การศึกษาโบราณคดีกำลังพยายามจะหาคำตอบ
หินเหล่านี้บางก้อนจัดวางในรูปแบบสามเหลี่ยม เป็นการบ่งชี้ถึงการใช้สัญลักษณ์บางประการในทางศาสนา หรือทางดาราศาสตร์ มีผู้คิดว่าอารยธรรมที่สร้างลูกทรงกลมเหล่านี้จะต้องมีความก้าวหน้าเป็นอย่างยิ่ง
ตุ๊กตาลึกลับจำนวนมากที่พบใกล้กับเวรา ครูซ ในเม็กซิโก ปรากฏเป็นสัตว์คล้ายจระเข้อยู่บนล้อสี่ล้อ นี่เป็นเรื่องแปลก เพราะก่อนสเปนจะบุกรุกชาวอเมริกันอินเดียนไม่เคยใช้ล้อเลย ในอเมริกาไม่เคยมีใครรู้จักเกวียน การวัดอายุล้อของเล่นเหล่านี้ด้วยคาร์บอนน แสดงว่ามีอายุจาก 1,200 ถึง 2,000 ปี มีคำถามว่าเหตุไฉนชาวมายาจึงไม่ใช้ยานล้อเลื่อน หากแต่เด็ก ๆ ของตนกลับเล่นตุ๊กตามีล้อเหล่านี้ ทั้งนี้เหตุที่เด็ก ๆ ในประเทศเราเล่นรถตุ๊กตา ก็เพราะผู้ใหญ่ในบ้านเราใช้รถนั่นเอง
ภาพเขียนบนหินในฮาวาซูไพแคนยอน ที่นอร์ธอะริโซนา |
เมื่อ ค.ศ.1924 การสำรวจทางโบรารณคดีที่โดเฮนี ได้ค้นพบภาพเขียนบนหินในฮาวาซูไพแคนยอน ที่นอร์ธอะริโซนา ภาพนั้นคล้ายกับภาพไดโนเสาร์พวกไทรันโนซอรัสกำลังยืน อย่างไรก็ตาม เราถือว่าสัตว์ประหลาดนี้สูญพันธุ์ไปแล้วนับล้านปี นับเป็นเวลานานก่อนที่มนุษย์จะอุบัติขึ้น
ภาพเขียนสมัยก่อนประวัติศาสตร์นี้ ชี้นำว่าศิลปินสมัยแรกเริ่มนั้นมีอายุร่วมสมัยกับไทรันโนซอรัส นับว่ามีเหตุผลที่จะสรุปว่า ช่วงเวลาที่สัตว์ประหลาดเหล่านั้นสูญพันธุ์ จะต้องยืดยาวต่อมาข้างหน้า หรือไม่ก็เวลากำเนิดของมนุษย์บนโลกก็ควรจะย้อนกลับไปข้างหลัง
หินสลักในแม่น้ำบิกแซนดี้ ในโอเรกอน สามารถบ่งบอกได้ว่าเป็นรูปสเตโกซอรัส สัตว์โลกอีกตัวหนึ่งที่คาดว่าสูญพันธุ์ไปก่อนการมาถึงของโฮโมซาเปียนส์
ภาพหินสลักที่พบบริเวณ ปากแม่น้ำ บิกแซนดี้ |
ข้อสงสัยเรื่องช้างนี้ไม่มีอีกต่อไปแล้ว เพราะซากหินที่คงอยู่ของมนุษย์สมัยแรก ๆ พร้อมกับกระดูกช้างที่สูญพันธุ์ไปแล้ว ถูกค้นพบโดย เฮลมุต เดเทอร์รา ที่เมืองเตเปกซ์ปัน ประเทศเม็กซิโก จากการทดสอบด้วยคาร์บอน 14 ทราบว่าสัตว์เหล่านี้มีอาศัยอยู่ประมาณ 9,300 ปี ก่อนคริสตกาล หรือราว 250 ปี หลังจากเรื่องตำนานการจมของแอตแลนติส ศาสตร์ที่อาจยังคงท้าทายก็คือ อายุที่เก่าแก่มากของเครื่องประดับ และรูปปั้นช้างในอเมริกาใต้และอเมริกากลาง
แบบเครื่องถ้วยโคเคิล มีภาพของกิ้งก่าบิน ซึ่งดูคล้ายกันมากกับสัตว์เลื้อยคลานที่สูญพันธุ์ไปแล้ว นับเป็นเรื่องสำคัญมากที่มีภาพเขียนของสัตว์โลกสมัยก่อนประวัติศาสตร์เคียงข้างกับสัตว์ที่เรารู้จัก
สเตโกซอรัส มีความยาวถึง 6 เมตร |
ในพิพิธภัณฑ์อาศรมรัฐ ในเมืองเลนินกราด มีกระดุมทองคำแบบสไคเธียนเม็ดหนึ่ง มีภาพของเสือเขี้ยวดาบที่สูญพันธุ์ไปแล้วตั้งแต่ปลายยุคน้ำแข็ง
ที่มัลตา มีรอยลี้ลับอยู่อย่างหนึ่งปรากฏร่องลึกบนแผ่นหิน มีจุดแยกและทางด้านข้างคล้ายทางรถไฟ ร่องลึกนี้ปรากฏเป็นแนวยาวไปบนแผ่นดินอันเป็นบริเวณที่ไม่มีสัตว์ลากเกวียนผ่านไปมาได้ นอกจากนี้ยังไม่มีร่องรอยกีบเท้าสัตว์หรือรอยเท้าระหว่างร่องลึกนี้เลย อีกจุดหนึ่งมีร่องแบบนี้ที่ชายฝั่งและลากไปถึงใต้อีกเป็นระยะไกลพอสมควร วัตถุประหลาดที่ค้นพบทางโบราณคดีนี้มีประโยชน์อย่างไร ยังไม่มีการบ่งชี้ได้ โดยเฉพาะจากความเก่าที่มากถึง 9,000 ปี
นิตยสาร The Scientific American (หน้า 7 - 298, มิถุนายน 1851) รายงานว่าในรัฐแมสซาชูเส็ทท์ สหรัฐอเมริกา มีภาชนะรูปทรงระฆัง ทำด้วยโลหะที่ไม่มีใครรู้จัก มีลายดอกไม้ฝังเงิน พบฝังตัวอยู่ในหินใหญ่ .....ปริศนาทางวิทยาศาสตร์เหล่านี้ สักวันหนึ่งอาจจะทำให้นักปราชญ์ของเราต้องขยายขอบเขตทางประวัติศาสตร์ไปอีกหลายพันปี