การ์กิลาสโซ เดลาวีกา ได้ส่งประวัติศาสตร์ของอินคามาให้เราได้ทราบพระอาทิตย์ อันเป็นบุพการีผู้ยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ในสัญลักษณ์ของความเมตตา ได้ส่งมังโก โคปัค และมามา โอกล์โล ไปสั่งสอนผู้ชายเรื่องเกษตรกรรมและสอนผู้หญิงเรื่องการถักทอและปั่นด้าย ชาวเปรูยอมรับโอรสแห่งพระอาทิตย์และก่อสร้างนครคูซโก ตำนานอีกเรื่องหนึ่งพรรณนาถึงชาวผิวขาวมีเคราผู้มาจากทางทิศตะวันออก และมอบพรแห่งอารยธรรมแห่ชาวพื้นเมือง
การทดสอบเลือดจากเนื้อเยื่อของมัมมี่ชาวอินคาห้าศพในบริติชมิวเซียมเมื่อ ค.ศ.1952 โดย บี. อี. กิลเบย์ และเอ็ม. ลูบราน ได้รายงานแก่สถาบันมานุษยวิทยาว่า มัมมี่จำนวนสามในห้าศพนั้น มีร่องรอยของเลือดกลุ่มเอ. ซึ่งเป็นชาวต่างแดนคนละเผ่ากับอเมริกันอินเดียนอย่างเด่นชัด ไม่มีศพใดเป็นรีซัส-เนกาทีฟ แต่ศพหนึ่งมีซับสแตนซ์ D และ C แต่ไม่มี C และ E นอกจากนี้มัมมี่เจ้านายอินคาอีกหนึ่งมีซับสแตนซ์ C, E และ C แต่ไม่มี D ตัวอย่างเลือดแบบนี้หาได้ยากมาก และแทบจะไม่ปรากฏเลยในโลกนี้ ข้อเท็จจริงอันน่าตื่นตะลึงนี้ พิสูจน์ว่า กษัตริย์อินคามิได้เป็นเผ่าพงศ์เดียวกับประชากรดั้งเดิมของอเมริกาใต้
ยังมีเรื่องเล่าว่าผู้ปกครองชาวสเปนในอเมริกาใต้ ได้ยินข้าราชสำนักชาวอินคาพูดภาษาลี้ลับที่ประชาชนในประเทศนั้นก็ไม่เข้าใจ
มีเรื่องเล่าทำนองเดียวกันนี้ในเม็กซิโก กัวเตมาลา และยูคาตัน ณ ที่นั้นเรียกเควตซัลโคตล์, กุกุมัตซ์ หรือ กุกุลคัน ว่าเป็นเทพบุรุษ เทพบุรุษนี้มีผ้าลินินสีดำผืนยาวบนไหล่ และสวมเสื้อแขนสั้น อันเป็นแบบที่ชาวทอลเท็กผู้เป็นช่างฝีมืออันประณีต ช่างก่อสร้าง ช่างปั้น และเกษตรกรต่างถือตามเควตซัลโคตล์
ในบันทึกโบราณ วินโดโบเนนซิส
กล่าวว่า เควตซัลโคตล์ลงมายังโลกจากช่องในท้องฟ้า
เมื่อทูตและวีรบุรุษทางวัฒนธรรมนี้ถูกศัตรูขัดขวาง ก็กลับไปยังชายฝั่ง และออกเดินทางโดยแพงูไปยังทละปัลลัน อีกเรื่องหนึ่งบรรยายว่า ทูตตนนี้กระโจนเข้าไปในกองฟืนเผาศพ เถ้าถ่านฟุ้งขึ้นกลายเป็นนก ส่วนหัวใจนั้นกลายเป็นดาวพระศุกร์ เควตซัลโคตล์คืนชีพอีกครั้ง และกลับไปสวรรค์ในฐานะเทพเจ้า เรือมีปีกนั่นคือยานอวกาศ และฟืนไฟนั้นคือการจุดปล่อยยานอวกาศ ใช่หรือไม่?
ในฐานะเป็นผู้มีอารยธรรม ผู้นำทางศาสนา เป็นสถาปนิก และเกษตรกร เควตซัลโคตล์ได้ทิ้งเครื่องหมายที่ไม่อาจลืมได้ลงในประวัติศาสตร์เม็กซิโกและยังคงเป็นที่เคารพนับถือในดินแดนนั้น
เทพวิราโคชา ปรากฏบนประตูพระอาทิตย์ที่เตียอัวนาโค |
เปโดร เด เซียซา กล่าวว่า วิราโคชาแห่งอินคานั้น คือมนุษย์ผิวขาวร่างสูง มาจากดินแดนแห่งรุ่งอรุณ เขาได้ซึมซาบความเมตตาในหัวใจของอินเดียนเผ่าเคซัว และเผยให้พวกเขาเห็นความลับแห่งอารยธรรมนั้น หลังจากสำเร็จในเรื่องการทูตของตนเองแล้ว เขาก็หายลับไปในทะเล ชื่อของวิราโคชา หมายถึง ฟองแห่งน้ำทะเล ชาวอินเดียนรับรู้เรื่องเกียวกับการรักษาตำนานเรื่องมนุษย์กึ่งเทพผิวขาวนั้นอย่างแนบแน่น แม้กระทั่งทุกวันนี้ชาวอินเดียนในเปรูบางพวก ก็คำนับคนต่างถิ่นชาวผิวขาวผู้เป็นมิตร พร้อมกล่าวคำว่า ''วิราโคชา''
ผู้สร้างอารยธรรมทั้งปวงที่ลงมาจากสวรรค์หรือโผล่มาจากทะเล ได้สร้างวัฒนธรรมสมบูรณ์พร้อมแก่บรรดาชนพื้นเมืองที่ยังพัฒนาในขั้นแรกเริ่ม แล้วใครเล่าที่เป็นผู้สถาปนาราชวงศ์สุริยะ เขาก็คือชาวแอตแลนติสผู้รอดชีวิตจากน้ำท่วมใหญ่ด้วยอากาศยาน และยานอวกาศดังที่เสนอไว้ในมหากาพย์แห่งกิลกาเมซ
![]() |
ในอินเดีย ผู้เขียนรู้สึกอึดอัดอยู่ช่วงหนึ่ง ขณะยืนสวมมาลัยแบบพื้นเมืองเขตร้อน และมีชายหญิงนอนหมอบแทบเท้าผู้เขียน เพื่อคารวะ เทพ ผู้มาเยือน