เรื่องน่าเศร้าของแอตแลนติส
ค้นหา
Custom Search
เทวีไนธ์แห่งไซส์กล่าวถึงแอตแลนติสหากเราย้อนไปยังวรรณกรรม เรื่องปรัมปรา และเรื่อพื้นบ้านโบราณ แอตแลนติสก็มีความเป็นไปได้ในทางประวัติศาสตร์
เรื่อง ทิไมอุส และ คริทิอัส ของเพลโต มีเรื่องพงศาวดารของแอตแลนติสอยู่ เรื่องนี้ได้มาจาก โซลอน นักบัญญัติกฎหมายของกรีกโบราณ ผู้เดินทางไปอียิปต์เมื่อประมาณ 560 ปี ก่อนคริสตกาลวิทยาลัยสงฆ์เทวีไนธ์แห่งไซส์ เทพเจ้าแห่งการเรียนรู้ ได้เปิดเผยแก่โซลอนว่า เอกสารสำคัญแห่งวิทยาลัยนั้นมีอายุนับพัน ๆ ปี บันทึกเหล่านี้กล่าวถึงทวีปที่อยู่ไกลโพ้นจากเสาเฮาคิวลิส หรือช่องแคบยิบรอลตาร์ ซึ่งจมลงเมื่อประมาณ 9,560 ปีก่อนคริสตกาล
เพลโตมิได้สับสนเรื่องแอตแลนติสกับอเมริกา เพราะเพลโตกล่าวอย่างชัดเจนว่า มีทวีปทางตะวันตกของแอตแลนติส เขากล่าวถึงมหาสมุทรไกลโพ้นจากช่องแคบยิบรอลตาร์ และเรียกเมดิเตอร์เรเนียนว่า “เป็นเพียงท่าเรือใหญ่” และระบุถึงทวีปในมหาสมุทรนั้น เป็นเกาะมีขนาดใหญ่กว่าประเทศลิเบียและเอเชียไมเนอร์รวมกัน
มีที่ราบแห้งแล้งในใจกลางของเกาะแอตแลนติส มีภูเขาสูงกั้นขวางลมทางเหนือ สภาพอากาศที่นั้นเป็นแบบกึ่งเขตร้อน ชาวแอตแลนติสเก็บเกี่ยวพืชผลปีละสองครั้ง ประเทศดังกล่าวมั่งคั่งด้วยสินแร่ โลหะ และผลผลิตทางการเกษตร ส่วนอุตสาหกรรม การฝีมือ และวิทยาศาสตร์นั้น ปรากฏรุ่งเรืองในแอตแลนติส นอกจากนี้ยังมีท่าเรือใหญ่มากมาย มีอู่ต่อเรือ และคลอง เพลโตระบุถึงการติดต่อทางการค้ากับโลกภายนอก โดยกล่าวถึงการใช้เรือเดินสมุทร
ชาวแอตแลนติสร้างอาคารของตนด้วยศิลาสีดำ ขาว และแดง อารามไคลโท และโพไซดอนนั้น มีรั้วทองล้อมรอบ ส่วนกำแพงทำด้วยเงิน และอาคารประดับแต่งด้วยสิ่งประดับทองทำ มีกษัตริย์แห่งแอตแลนติสสิบพระองค์ คอยร่วมประชุม
จากพื้นฐานข้อมูลของเพลโตกล่าวว่า มีกำลังกองทัพบกและกองทัพเรือทั้งสิ้น 1,210,000 คน ตัวเลขนี้บ่งชี้ได้ว่าประชากรทั้งหมดจะต้องมีจำนวนหลายล้านทีเดียว ในช่วงยุคสุดท้ายของประวัติศาสตร์แอตแลนติสที่เพลโตกล่าวนั้น ชาติดังกล่าวถูกปกครองโดยทายาทแห่งโพไซดอน เวลาไม่นานก่อนถึงจุดสิ้นสุดจักรวรรดิแอตแลนติสก็เข้าสู่วิถึแห่งจักรวรรดินิยา ด้วยความมุ่งมั่นที่จะขยยอาณานิคมในภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียน
เพลโตเล่าเรื่องการเสื่อมศีลธรรมของชาวแอตแลนติส เมื่อความโลภและความเห็นแก่ตัวเข้ามาครอบงำ ดังนั้นเทพเซอุส “รับรู้ว่าเผ่าพงศ์ที่น่านับถือ กำลังอยู่ในสภาพที่น่าสมเพชเป็นที่สุด” และพวกเขา “รุกรานไปทั่วยุโรปและเอเชียอย่างกำเริบเสิบสาน สร้างความเสียหายแก่ผู้ถูกรุกรานอย่างรุนแรง” นักปรัชญาชาวกรีกท่านนั้นกล่าวว่า “มนุษย์ผู้กระหายสงครามนี้ได้จมลงสู่พื้นปฐพี และเกาะแอตแลนติสก็จมหายไปใต้ท้องทะเลเช่นกัน”
การตรวจสอบท้องมหาสมุทรแอตแลนติก ทำให้เราทราบว่ามีแนวตรงจากเหนือไปใต้ ผ่านบริเวณตอนกลางของมหาสมุทร หมูเกาะอะโซเรสอาจจะเป็นยอดของเทือกเขาที่จมลง ซึ่งจากเรื่องของเพลโต บอกว่ายอดเขานั้นคอยกำบังลมหนาวจากทิศเหนือ ที่จะพัดสู่ที่ราบตอนกลาง จากเรื่องคริทิอัส เราทราบว่าชาวแอตแลนติสสร้างบ้านเรือนด้วยศิลาสีแดง ดำ และขาว หินภูเขาไฟสีแดงและดำ และพื้นหินปูนสีขาวพบได้บนหมู่เกาะอะโซเรส อันเป็นซากเก่าของแอตแลนติส
ทฤษฎีนี้มิได้ปฏิเสธความเป็นไปได้ของการมีทวีปแอตแลนติส เมื่อ 12,000 ปี ก่อน เพราะเหตุผลง่าย ๆ ที่ว่า กว่าทวีปจะจมนั้น ใช้เวลานับล้าน ๆ ปี และในยุคที่แอตแลนติสจมลง ยุโรปและอเมริกาอยู่ใกล้กันมากกว่านี้ เพียง 2 กิโลเมตรเท่านั้น จึงมีที่ว่างอีกมากมาย สำหรับเกาะแอตแลนติสในมหาสมุทรแอตแลนติกในสมัยนั้น
แผนที่แอตแลนติสตาจินตนาการ ทิศเหนืออยู่ด้านล่าง
อย่างไรก็ตาม ศาสตราจารย์กาลาโนเปาโลสคิดว่าโซลอน เศรษฐีแห่งยุคโบราณท่านนี้ คงไม่ได้คำนวณอย่างละเอียด “ไม่ใช่เวลา 9,000 ปี แต่เป็น 900 ปี” เขาบอก เมื่อบวก 900 กับ 560 ปีก่อนคริสตกาล อันเป็นเวลาที่โซลอนเดินทางไปอียิปต์ ก็จะได้เวลา 1,460 ปีก่อนคริสตกาล หรือสมัยน้ำท่วมของซานโทริน เขาเชื่อว่าซานโทรินก็คือ แอตแลนติส แต่สมมุติฐานนี้ยังอ่อนไป
ภาพวาดที่ผนัง วาดเมืองและท่าเรือจากเกาะธีรา หรือซานโทริน ที่เกิดภูเขาไฟระเบิดเมื่อประมาณศตวรรษที่ 15
ก่อนคริสตกาล
(ภาพวาดอายุประมาณ 16 ศตวรรษก่อนคริสตกาล)
|
แอตแลนติสของเพลโตนั้น มีพื้นที่ประมาณ 600,000 ตารางไมล์ แอตแลนติส-ซานโทรินของศาสตราจารย์กาลาโนเปาโลสนั้น มีขนาดเพียง 75 ตารางไมล์เท่านั้น เพลโตเขียนถึงเจ้าครองนครสิบคนแอตแลนติส แต่จังหวัดตั้งสิบจังหวัดจะอยู่ในซานโทรินได้อย่างไร