หน้าเว็บ

Custom Search

บทความที่ได้รับความนิยม

Translate

วันพุธที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2567

นกอินทรีฮาร์ปีนกอินทรีย์กงเล็บที่มีกรงเล็บส่งพลังแหลมคมและเป็นนกที่ใหญ่ที่สุดในโลก


นกอินทรีฮาร์ปีนกอินทรีย์กงเล็บที่มีกรงเล็บทรงพลังแหลมคมและเป็นนกที่ใหญ่ที่สุดในโลก



ดูจากในภาพแล้วนกอินทรีย์ชนิดนี้มันไม่เหมือนนกอินทรีย์เลยมันคล้ายๆกับคนใส่หัวนกมากกว่าเพราะตัวนกอินทรีย์ฮาร์ปีตัวนี้มีรูปร่างแปลกประหลาดและหน้าตาคล้ายๆกับพวกปีศาจมากกว่า บวกผสมกับกรงเล็บที่ใหญ่โตแหลมคมของมันทำให้มันดูเป็นนกที่นากลัวเหมือนกับพวกซาตานยังไงยังไง

เป็นนกที่สวยงาม หรือที่รู้จักกันในชื่อนกอินทรีฮาร์ปีอเมริกัน เป็นนกล่าเหยื่อที่ใหญ่ที่สุด และทรงพลังที่สุดที่พบในป่าฝน นกขนาดมหึมานี้ อาจมีน้ำหนักตั้งแต่ 8.5 ถึง 20 ปอนด์ และมีปีกที่ยาวเกือบ 7 ฟุต


นกอินทรีฮาร์ปีเป็นนกล่าเหยื่อที่มีขนาดใหญ่และมีพลังมากที่สุดในทวีปอเมริกา และมีขนาดใหญ่ที่สุดท่ามกลางสายพันธุ์อินทรีที่ยังมีอยู่ในโลก โดยปกติแล้วอาศัยอยู่ในป่าฝนเขตร้อนทางตอนใต้ ในระดับที่สูงกว่าชั้นของร่มไม้ (canopy layer) การทำลายที่อยู่อาศัยทางธรรมชาติทำให้เห็นการสูญหายของนกชนิดนี้ในหลาย ๆ ส่วนของขอบเขตที่อยู่เดิมของมัน และเกือบที่จะถูกทำลายจนหมดสิ้นในทวีปอเมริกากลาง ในประเทศบราซิล นกอินทรีฮาร์ปียังเป็นที่รู้จักในฐานะเหยี่ยวหลวง (โปรตุเกส: gavião-real; royal-hawk)

นกอินทรีฮาร์ปีเป็นนกประจำชาติปานามาและปรากฏในตราแผ่นดินปานามา


นกชนิดนี้ปรากฏในหน้าหลังของธนบัตร 2,000 โบลิบาร์เวเนซุเอลา

นกอินทรีฮาร์ปีเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ Fawkes the Phoenix ในภาพยนตร์ชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์และมีการใช้นกอินทรีฮาร์ปีในการแสดงเป็นนกอินทรีฮาร์ปีที่สูญพันธุ์ในรายการMonsters We Metของบีบีซี


บางครั้ง คนที่เห็นมันครั้งแรกคิดว่า เป็นคนที่แต่งตัวด้วยชุดคอสตูม


วันอังคารที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2567

Muruntauหนึ่งในเหมืองทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก


🌐Muruntauหนึ่งในเหมืองทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก

🪙วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่เราจะมานำเสนอเรื่องมากที่สุดในโลก ใหญ่ที่สุดในโลก ยาวที่สุดในโลก 

แต่ครั้งนี้เราจะนำเสนอในมุมมองของเหมืองทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลกรับรองได้ว่าคนที่ชอบทองคำคงจะตาหูเหลือกเลยนะครับ


ถ้าจะพูดถึงทองคำนะครับใครๆก็อยากจะได้นะครับเพราะว่ามันเป็นอะไรที่มีค่าราคามากที่สุดสำหรับมนุษย์

มนุษย์ตั้งสมมติฐานราคาค่าของวัตถุสิ่งนี้ขึ้นมาก็คิดว่ามันมีความสำคัญ ทองคำมันก็คือวัตถุแร่ธาตุชนิดหนึ่งเท่านั้นเองทุกสิ่งทุกอย่างมนุษย์ต่างหากสมมุติขึ้นให้ให้ความสำคัญครับมันเลยมีการเพิ่มราคา ทองคำครับ


เหมืองทองคำ Muruntau ตั้งอยู่ในทะเลทรายอันแห้งแร้งของเมือง Kyzyl Kum เปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี 1967 จนถึงปัจจุบัน เป็นเหมืองเปิดขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกมีความลึก1,900 ฟุต เป็นอันดับ 5 ของเหมืองที่ลึกที่สุดในโลก นอกจากขุดทองแล้ว Muruntau ยังเป็นแหล่งแร่พลอยเทอร์คอยซ์ที่สำคัญอีกด้วย คาดการณ์กันไว้ว่า เหมืองแห่งนี้จะมีแร่ 2,500 – 5,300 ตันเลยทีเดียววันนี้เหมือง Muruntau ผลิตทองคำได้มากกว่า 60 ตันต่อปี 

Muruntau เหมืองทองคำ
แห่งประเทศอุซเบกิสถาน ถูกค้นพบเมื่อปี 1958 ในทะเลทรายอันแห้งแร้ง Kyzyl Kum โดยเริ่มทำการขุดเหมืองแร่เมื่อปี 1967 จนมาถึงปัจจุบัน


โดยมีเหมืองเปิดขนาดใหญ่ ที่มีความลึกมากถึง 1,900 ฟุต โดยติดอันดับที่ 5 ของเหมืองที่ลึกที่สุดในโลก และยังเป็นแหล่งแร่พลอยได้จากเทอร์คอยซ์อีกด้วย พร้อมทั้งคาดการณ์กันไว้ว่า เหมืองแห่งนี้จะมีแร่ 2,500 – 5,300 ตันเลยทีเดียว

เป็นยังไงบ้างครับทองคำมากมายมหาศาลร่ำรวยล้นฟ้าสุดท้ายแล้วมันก็แค่วัตถุชิ้นหนึ่งแร่ธาตุอย่างหนึ่งที่มนุษย์ไปตั้งค่าตั้งราคาให้มันเอง

ไม่ต่างอะไรกับก้อนหินก้อนกรวดถ้าไปตั้งราคาตั้งค่าให้มันมันก็ไม่ต่างจากทองคำที่มีค่ามหาศาลนั่นเอง



ทุกสิ่งทุกอย่างก็คือสิ่งสมมุติทั้งนั้น แม้แต่...แป๊ะตาปิดเจ้าสัวรวยแสนล้านมีทรัพย์สินเงินทองมากมายมหาศาลสุดท้ายแล้วก็เอาอะไรไปไม่ได้สักอย่างเมื่อถึงเวลาจากโลกนี้ไป....เงินทองที่หามาได้ก็คือสิ่งสมมุติแล้วมันก็ไร้ค่า ถ้าไม่ให้ค่าราคามันวัตถุสิ่งของมีค่าเงินทองมากมายก็ไม่ต่างอะไรจากก้อนหินก้อนกรวดหรือเศษกระดาษเท่านั้นเอง...
แป๊ะตาปิด

วันพุธที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2567

พบฟอสซิลสัตว์เลื้อยคลานโบราณใต้น้ำคล้าย "มังกร" อายุเก่าแก่ 240 ล้านปีมีแขนขาเหมือนตีนกบ และคอของมันมีความยาวกว่าลำตัว


พบฟอสซิลสัตว์เลื้อยคลานโบราณใต้น้ำคล้าย "มังกร" อายุเก่าแก่ 240 ล้านปีมีแขนขาเหมือนตีนกบ และคอของมันมีความยาวกว่าลำตัว


โลกยุคดึกดำบรรพ์มีอะไรที่เรายังไม่รู้อีกมากมายและเราก็ไม่รู้ว่าสัตว์ต่างๆที่แปลกประหลาดเหลือแต่ซากเหลือแต่ซี่โครงเหลือแต่กระดูกนอนขดตัวใต้น้ำ
มันคือตัวอะไรกันแน่แต่ก็สันนิษฐานว่ามันเป็นสัตว์ยุคดึกดำบรรพ์ชนิดหนึ่งที่มีร่างกายแปลกประหลาด มีแขนขาเหมือนตีนกบตีนเขียดตีนอึ่งอ่าง   และคอของมันมีความยาวกว่าลำตัว แค่นี้ก็น่าจะจินตนาการได้แล้วว่ามันเป็นสัตว์ประหลาดแน่นอน


การค้นพบเกิดขึ้นเมื่อทีมนักวิทยาศาสตร์ในสกอตแลนด์ ได้เปิดเผยการค้นพบซากฟอสซิลของสัตว์เลื้อยคลานในน้ำขนาด 5 เมตร ที่มีอยู่อายุเก่าแก่ถึง 240 ล้านปี ในยุคไทรแอสสิก (Triassic) โดยสัตว์เลื้อยคลานโบราณตัวนี้ได้รับการขนานนามว่า "มังกร" เนื่องจากลักษณะของคอที่มีความยาวอย่างมาก


สัตว์เลื้อยคลานโบราณที่อาศัยอยู่ในน้ำตัวนี้ มีชื่อว่า ไดโนเซฟาโลซอรัส โอเรียนทัลลิส (Dinocephalosaurus orientalis) ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ถูกค้นพบเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2003

ฟอสซิลดังกล่าว ถูกค้นพบในแหล่งหินปูนโบราณทางตอนใต้ของจีน ฟอสซิลใหม่ที่น่าทึ่งนี้ ทำให้นักวิทยาศาสตร์สามารถเห็นกายวิภาคของสัตว์โบราณแปลกประหลาดในยุคก่อนประวัติศาสตร์

ดร.นิก เฟรเซอร์ จากพิพิธภัณฑ์แห่งชาติสกอตแลนด์ ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมนักวิจัยผู้ศึกษาซากฟอสซิล เปิดเผยว่า นี่เป็นครั้งแรกที่นักวิทยาศาสตร์ได้เห็นลักษณะทางกายวิภาคศาสตร์แบบเต็มตัวของสัตว์ที่เขาอธิบายว่าคือ "สัตว์ที่แปลกประหลาดอย่างมาก"


"มันมีแขนขาเหมือนตีนกบ และคอของมันมีความยาวกว่าลำตัวและหางรวมกัน" ดร.เฟรเซอร์ ระบุ


เราก็ลองดูแล้วคิดดูเอาเองว่าสัตว์ประหลาดคอยาวตีนกบตัวนี้จะเป็นอะไรกันแน่บางคนพูดวกไปวนมาบางคนก็บอกว่าเป็นมังกร แต่จริงๆแล้วมันอาจจะไม่ใช่ก็ได้นะครับ

วันเสาร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2567

ปริศนาชวนพิศวง เสาหินโอเบลิสก์ แห่งอัสวาน Unfinished Obelisk เสาหินโบราณที่ใหญ่ที่สุดในโลก


ปริศนาชวนพิศวง เสาหินโอเบลิสก์ แห่งอัสวาน Unfinished Obelisk เสาหินโบราณที่ใหญ่ที่สุดในโลก

อะไรๆที่ใหญ่ที่สุดในโลกเนี่ยนะมันก็ต้องเกี่ยวกับพวกอียิปต์โบราณอารยธรรมมายาอะไรต่างๆนานาในสมัยโบราณเขามีวิธีการก่อสร้างอย่างไรเรายังไม่สามารถที่จะล่วงรู้ได้แต่ยอมรับเลยว่าพีระมิด หรือรูปปั้นแกะสลักหินโบราณใหญ่โตมโหฬารนะน่ะน่ะมันเป็นภูมิปัญญาและความสามารถของคนที่สามารถทำอะไรที่ยิ่งใหญ่ได้แต่วันนี้เราจะมานำเสนอความใหญ่โตอีกชนิดหนึ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นนั่นคือเสาหินโอเบลิสก์ แห่งอัสวาน Unfinished Obelisk เสาหินโบราณที่ใหญ่ที่สุดในโลก


ความใหญ่โตของมันเสาหินต้นเนี้ยสูงใหญ่ขนาดไหนเราก็เข้ามาดูรายละเอียดแล้วก็พิจารณาแล้วก็ลองจินตนาการเอาก็แล้วกันนะครับ

แต่จะสร้างมาเพื่อจุดประสงค์อะไรก็แล้วแต่บางทีคนสร้างคนทำอาจจะไม่มีความสำคัญเลยก็ได้ก็สร้างมาแล้วก็กองทิ้งไว้แบบนี้นี่เองถึงแม้จะใหญ่โตมโหฬารก็จริง

🇪🇬เสาหินโอเบลิสก์
เสาหินที่ถูกค้นพบนี้ควรจะเป็นเสาหินที่สูงที่สุดใหญ่ที่สุดในยุคอียิปต์โบราณ.น่าเสียดายที่เสาแท่งนี้ยังสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์เพราะมีรอยแตก.ถูกสร้างขึ้นและถูกทอดทิ้งในรัชสมัยของฟาโรห์แฮตเชปซุตในศตวรรษที่ 15 ก่อนคริสตกาล

 จุดประสงค์เพื่อไปตั้งอยู่แทนที่เสาหินเดิมที่ด้านหน้ามหาวิหารคาร์นัค.เสาหินนี้น่าจะมีอายุผ่านมากว่า 3,500 ปี.

“โอเบลิสก์ (Obelisk)” มีความหมายตรงตัวว่าเสาปลายแหลม การสร้างเสาหินโอเบลิสก์นั้นสันนิษฐานกันว่าน่าจะเป็นสัญลักษณ์แห่งสุริยเทพรา (Ra) เทพเจ้าสูงสุดของอียิปต์ นิยมสร้างตั้งอยู่บริเวณที่เป็นทางเข้าวิหารเทพเจ้า ส่วนตัวอักษรโบราณ “เฮียโรกลิฟฟิค” ที่สลักรอบๆ เสานั้นจะบอกเล่าเรื่องราวของฟาโรห์ผู้สร้าง และเรื่องราวของการสร้างเพื่อบูชาเทพเจ้า

เสาหินโอเบลิสก์ที่มีความงดงาม และเป็นที่รู้จัก ได้แก่ โอเบลิสก์แห่งวิหารลักซอร์ ประเทศอียิปต์ โอเบลิสก์แห่งปลาซเดอลาคองคอร์ด (Place de la Concorde) กรุงปารีส หรือโอเบลิสก์ลาเตรัน (Lateran Obelisk) แห่งกรุงโรม เป็นต้น 

ซึ่งเสาเหล่านี้ส่วนมากก็ถูกจักรวรรดิโรมันโยกย้ายออกมาจากอียิปต์ในช่วงที่อียิปต์เสื่อมอำนาจ

เสาโอเบลิสก์ที่มีความสูงที่สุดในโลกนั้น เสาโอเบลิกส์ลาเตรัน (Lateran Obelisk) ความสูง 105.6 ฟุต หนัก 455 ตัน ปัจจุบันตั้งอยู่ที่ลานจัตุรัสหน้า Lateran Basilica กรุงโรม ประเทศอิตาลี

น้อยคนนักที่จะรู้ว่ายังมีเสาหินอีกหนึ่งต้นที่หากสร้างสำเร็จล่ะก็ มันจะกลายเป็นเสาหินที่ใหญ่ที่สุดในโลกในทันที นั่นคือ “Unfinished obelisk” ของพระนางฮัตเซปซุต (Hatshepsut) (ปี 1508–1458 ก่อนคริสตกาล) ฟาโรห์หญิงองค์แรกแห่งอียิปต์ เมื่อประมาณ 1,500 ปีก่อนคริสต์ราช ณ เมืองอัสวาน (Aswan) ห่างจากเมืองไคโรไปทางตอนใต้ ประมาณ 680 กิโลเมตร


Unfinished obelisk นั้นแกะสลักทั้งต้นออกจากเหมืองหินแกรนิต แต่ระหว่างการก่อสร้างนั้นเกิดมีรอยร้าวขึ้น ช่างแกะสลักจึงเลิกล้มโครงการ และทิ้งมันไว้เช่นนั้น ซึ่งน่าเสียดายว่าหากไม่ร้าวเสียก่อนเราก็จะได้เสาโอเบลิสก์ที่สูงที่สุดในโลกถึง 137 ฟุต (42 เมตร) หนัก 1,168 ตัน แต่ในขณะเดียวกันสิ่งที่ทิ้งไว้ก็ทำให้นักโบราณคดีรุ่นหลังมีโอกาสได้ศึกษาถึงกระบวนการสร้างเสาหินในยุคโบราณนั่นเอง

ปัจจุบัน เสาโอเบลิสก์ของอัยิปต์โบราณที่ยังคงเหลืออยู่บนโลก มีทั้งหมด 29 เสา ตั้งอยู่ในประเทศอียิปต์เอง 9 เสา ส่วนที่เหลือถูกขนย้ายไปตั้งตามประเทศต่างๆ ในแถบยุโรป


👉สรุปสุดท้ายถ้าใครอยากจะเห็นเสาหินเสาหินโอเบลิสก์ แห่งอัสวาน Unfinished Obelisk เสาหินโบราณที่ใหญ่ที่สุดในโลกนี้  เป็นขวัญตาก่อนตายก็ลองเก็บเงินแล้วไปเที่ยวดูที่อียิปต์ก็แล้วกันนะครับหรือไม่งั้นก็ดูในภาพเอาแล้วก็นึกจินตนาการภาพเอาว่ามันใหญ่โตมโหฬารขนาดไหน มันก็ได้อรรถรสและอารมณ์ในการรับชมฟังอ่านได้เหมือนกัน

สวนทวารเพื่อความบันเทิง งานวิจัยที่ศึกษาพิธีกรรมการสวนทวารที่ปรากฎบนเครื่องปั้นดินเผาของอารยธรรมมายา


สวนทวารเพื่อความบันเทิง งานวิจัยที่ศึกษาพิธีกรรมการสวนทวารที่ปรากฎบนเครื่องปั้นดินเผาของอารยธรรมมายา


บทความนี้เป็นงานวิจัยของนักวิจัยที่ชนะรางวัลโนเบลที่เขาวิจัยเกี่ยวกับชาวมายาสวนทวารหรือสวนดาก ละครับเพื่อความบันเทิงแต่ก็ยังว่าแล้วนะครับการทำอะไรที่ผิดลักษณะวิปริตแบบนี้มันก็ต้องมีที่มาที่ไป เขาบอกว่าเพื่อเสพสิ่งมึนเมานอกจากทั้งปากแล้วก็เอามาส่วนทวารอีกเพื่อให้ยาหรือสมุนไพรนั้นเข้าไปกระตุ้นอะไรต่างๆนานานะครับในการวิจัยนี้คุณก็ลองอ่านดูรายละเอียดในบทความแล้วกัน

งานวิจัยที่ศึกษาพิธีกรรมการสวนทวารที่ปรากฎบนเครื่องปั้นดินเผาของอารยธรรมมายา เป็นงานวิจัยที่เพิ่งได้รับรางวัล Ig Nobel Prizes 2022 ในสาขาประวัติศาสตร์ศิลปะ โดยมี ดร.นิโคลัส เฮลมุธ (Nicholas Hellmuth) เป็นผู้วิจัย


แต่มันเป็นอะไรที่วิปริตรวิปลาสไปหมดแม้แต่ในยุคสมัยโบร่ำโบราณอาณาจักรมายาอันรุ่งเรืองก็ยังมีเหตุการณ์กิจกรรมแบบนี้มันก็ขึ้นอยู่กับรสนิยมของแต่ละคนนะครับอาจจะไม่ทั้งหมด 

#ชาวมายาสวนทวารเพื่อความบันเทิง
นักวิจัยชนะรางวัลอิกโนเบล หลังศึกษาการสวนทวารเพื่อนันทนาการของชาวมายาผ่านเครื่องปั้นดินเผา

การสวนทวารเป็นกระบวนการทางการแพทย์รูปแบบหนึ่งที่ใช้รักษาผู้คนโดยทั่วไป แต่รู้หรือไม่ว่า ในอดีต ผู้คนจากอารยธรรมมายาเคยมีกิจกรรมสวนทวารเพื่อนันทนาการและทำให้มึนเมามาก่อนด้วยนะ แถมทำกันในที่สาธารณะด้วย


งานวิจัยที่ศึกษาพิธีกรรมการสวนทวารที่ปรากฎบนเครื่องปั้นดินเผาของอารยธรรมมายา เป็นงานวิจัยที่เพิ่งได้รับรางวัล Ig Nobel Prizes 2022 ในสาขาประวัติศาสตร์ศิลปะ โดยมี ดร.นิโคลัส เฮลมุธ (Nicholas Hellmuth) เป็นผู้วิจัย

ดร.เฮลมุธ ทำการศึกษาการสวนทวานในอารยธรรมมายาผ่านการวิเคราะห์ภาพบนเครื่องปั้นดินเผาจากศตวรรษที่ 6-9 เช่น บนแจกัน เหยือก เป็นต้น

เครื่องปั้นดินเผาเหล่านี้มักถูกพบที่ประเทศกัวเตมาลาและเม็กซิโก ซึ่งหลายชิ้นมักจะปรากฎภาพศิลปะที่เป็นฉากของคนกำลังเมาเหล้าโดยที่มีคนอื่นช่วยจับตัวไว้อยู่ สะท้อนว่าพวกเขาในอดีตเคยสังสรรค์มึนเมากันอย่ามาก และบางชิ้นก็มีฉากพิธีสวนทวารอยู่ด้วย 

ด้านนักวิจัยจึงวิเคราะห์ว่า ภาพกิจกรรมสวนทวารที่แฝงอยู่ในงานศิลปะคือหลักฐานหนึ่งที่แสดงว่าผู้คนจากอารยธรรมมายามีพิธีกรรมการสวนทวารเพื่อการสันทนาการและทำให้ตัวเองมึนเมา


“พวกเขาใช้ยาสวนทวารเพื่อเอาแอลกอฮอล์และยาหลอนประสาทเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งมันง่ายกว่าการดื่มจากปาก” ดร.เฮลมุธ ระบุ 

“ในบางฉากบนเครื่องปั้นดินเผา ปรากฎภาพที่ผู้คนถูกเห็นว่าโดนสวนทวานโดยผู้อื่น ในขณะที่คนอื่นๆ ก็กำลังจัดการทำให้ตัวเองเหมือนกัน ดังนั้น ไม่ว่าจะกรณีใดก็ตาม กิจกรรมนี้จะไม่ถือเป็นเรื่องส่วนตัว” ผู้วิจัยเสริม ก่อนจะเน้นย้ำว่าการสวนทวารในอารยธรรมมายาคือกิจกรรมที่ทำได้ในพื้นที่สาธารณะ

หลังรับรางวัล ดร.เฮลมุธได้ประกาศแบ่งปันรางวัลนี้กับ ปีเตอร์ เดอ สเม็ต (Peter de Smet) นักชาติพันธุ์วิทยาคนแรกที่บันทึกหลักฐานว่ามีการใช้สวนทวารเพื่อวัตถุประสงค์ด้านนันทนาการและพิธีกรรมในช่วงทศวรรษ 1980

Ig Nobel Prizes คืองานประกาศรางวัลที่ล้อเลียนเวที Nobel Prize และมอบเกียรติให้แก่งานวิจัยที่ที่มีลักษณะ ‘ความสำเร็จที่ทำให้คนขำก่อน และทำให้พวกเขาขบคิดในเวลาต่อมา’ หรือก็คืองานที่อาจดูไร้สาระเมื่อเห็นครั้งแรก แต่ก็ไม่ได้ไร้คุณค่าทางวิทยาศาสตร์


แต่ถ้าเรามองในมุมกลับคนเลยนะคนในอาณาจักรมายาโบราณอาจจะท้องผูกขี้ไม่ออกแต่ก็เลยสร้างพิธีกรรมสวนทวารสวนดากเพื่อเพื่อให้ขี้ออกก็เป็นไปได้นะครับในทำเป็นพิธีกรรมกิจกรรมกลางแจ้งแข่งขันกันอะไรในทำนองนี้ 


ลองชมดูลวดลายบนเครื่องปั้นดินเผาและรูปปั้น แล้วก็ลองมาพิจารณาจินตนาการเอานะครับว่ามันจะบันเทิงเริงรม ขนาดไหนเอาอะไรๆยัดเข้าไปในรูทวารสวนไปสวนมา นึกภาพแล้วมันไม่บันเทิงเลยนะอาจจะทวารแหกอันตรายถึงกับบาดเจ็บก็ได้

รายการบล็อกของฉัน